สำนักพิมพ์ ปัณณ์รัก : มอบหัวใจให้คุณ

 
 
 
 
 
Started by Topic:    ปลายหมอกและดอกหญ้า ตอนที่ 5  (Read: 705 times - Reply: 0 comments)
 
bdba

Posts: 8 topics
Joined: 30/1/2554

ปลายหมอกและดอกหญ้า ตอนที่ 5
« Thread Started on 9/2/2554 21:20:00 IP : 222.123.211.63 »
 

ตอนที่ 5

 

กิตติ ทรุดตัวลงนั่งในร้านกาแฟภายในตัวเมืองที่จัดได้อย่างเรียบง่าย แต่ให้รสนิยมหรูหราน่าเข้ามาของคนมีระดับ กิตติไม่ได้เป็นคนติดหรูแต่ที่เขาต้องร้านนี้เพราะเขานัดกับใครคนหนึ่งไว้ และก็เป็นคนพิเศษคนหนึ่งที่เขาต้องมาพบ ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวหน้าผมจัดแต่งอย่างดูดีในอ้อมกอด มีดอกกุหลายสีแดงช่อโตเตรียมไว้เสร็จสรรพ พลางเงยหน้ามองหญิงสาวในเดรสสีฟ้าสด ดัดผมเป็นรอนงาม แต่งหน้าสวยสว่างที่เดินเข้ามาในร้านพอดี  ชายหนุ่มโบกมือให้แต่ไกลโดยมีสายตาของหญิงสาวมองตรงมาก่อนจะเดินตรงมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น เจ้าหล่อนอ้อมหลังเข้ามากอดชายหนุ่มโดยไม่เก้อเขิน "คิดถึงคุณค่ะที่รัก"หญิงสาวกระซิบ กิตติยิ้มกลุ้มกริมเขินอาย


"ผม..ดีใจที่ได้เจอพิม คุณรู้ไหมว่าผมคิดถึงคุณขนาดไหน"เขากล่าวขึ้นน้ำเสียงทุ้มเข้มแต่อบอุ่น เจ้าหล่อนเผยอยิ้มก่อนจะวางมือเรียวสวยไว้บนมือของชายหนุ่มที่วางแนบไว้บนโต๊ะ


"พิมก็เช่นกันค่ะ...พิมคิดถึงกิตติมากเลยนะคะหลังจากที่กิตติไปเรียนเมืองนอก ปล่อยให้พิมก็เหงาอยู่คนเดียว กิตติรู้ไหมคะว่าพิมดีใจมากแค่ไหนที่คุณกลับมา" หล่อนทำตาเล็กตาน้อยให้น่าสงสาร ชายหนุ่มใจอ่อนลงทันพลันเมื่อเห็นดวงหน้าเด่นสว่างของเจ้าหล่อน


"ใครๆก็บอกว่าพิมเป็นสาวจ้าวเสน่ห์...อยู่ที่นี่คงมีชายหนุ่มแวะเวียนมาไม่ขาดสาย"ชายหนุ่มวางสีหน้านิ่งๆแกมจะหึงหวงอยู่บ้าง หญิงสาวยิ้มหวานยกมือขึ้นหยิกชายหนุ่ม


"แหม...งอนหรือคะ...ถึงใครๆจะมารุมล้อมพิม แต่พิมก็ไม่เคยมองใครเลยนะคะนอกจากกิตติคนเดียว"เจ้าหล่อนยิ้มรับกับเรียวปากอวบอิ่มแต่งแต้มด้วยสีโอรส


"ผมก็ดีใจครับ ผมมีดอกไม้มาฝากคุณด้วยนะครับ"เขาหันกลับมาสบตาคู่หวานที่พยายามชักจูงให้ชายหนุ่มหลงกลเชื่อจนอยู่หมัด แล้วยกช่อดอกกุหลาบช่อโตให้เป็นของกำนัลความรัก เจ้าหล่อนยิ้มกว้างโนมตัวจุมพิตลงแก้มเขาเบาๆ


"พิมจะเผื่อใจไปให้ใครได้...กิตติเป็นถึงนักเรียนนอกที่ใครก็จับตามองอยู่ตอนนี้จะให้พิมปล่อยคุณหลุดมือไปง่ายได้ไงคะ"เสน่ห์ หล่อนนั้นช่างร้ายแรงนักทั้งหน้าตาและคำพูดเล่นเสียแทบหลอมละลาย ก็เพราะอย่างนี้กระมังที่ทำให้พิมพาสาวไฮโซพราวเสน่ห์ยังคงเป็นที่หมายปอง ของชายหนุ่มทุกคนกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่

 

"วันนี้พิมดีใจที่สุดเลยนะคะ ตอนนี้หัวใจของพิมกลับมาแล้ว พิมคงจะไม่มองใครอีกแล้ว"เจ้าหล่อนหว่านล้อมด้วยคำหวานพลางส่งสายตาคมสวยบอกนัยๆว่าหล่อนทั้งรักและอาวรเขาเพียงผู้เดียว  กิตติก้มหน้าเขินเล็กน้อย

 

"ผมรักคุณนะพิม...ผมสัญญาว่าอีกไม่นานนี้ผมจะไปขอพิม"

 

"ชื่น ใจจริงๆ"กิตติกุมมือเจ้าหล่อน ขณะที่พิมพายิ้มไม่หุบ ความรักช่างแสนหอมหวานดั่งน้ำตาลแรกเคี่ยว ผู้หญิงที่ครอบครองหัวใจของกิตติคือพิมพาเพียงผู้เดียว ไฮโซสาวเมืองเหนือที่มากไปด้วยเสน่ห์ เจ้าหล่อนเป็นสาวเปรี้ยวจี๊ดที่ใครๆต่างรือนามว่าเธอคือคลาสโนวี่ดวงใหม่ ของวงการไฮโซหล่อนไม่เคยลดราวาศอกให้กับใคร มีความมั่นใจสูง หนุ่มๆที่เข้ามาจีบเจ้าหล่อนได้ต้องเป็นผู้ชายที่ไม่ธรรมดานั่นคือต้องพร้อม ทุกอย่างให้เธอควงออกงานได้โดยไม่อายใครและกิตติก็นับว่าเป็นผู้ชายโชคดีและ คว้าหัวใจหล่อนมาครองได้ราวกับเทพนิยายรักของเจ้าชายผู้แสนดีกับหญิงสาว รสนิยมหรูแห่งปีเลยทีเดียว 

 

สองคู่รักเริ่มสั่งอาหารมาฉลองการกลับมาของกิตติขณะที่อีกด้านของฟากฝั่งอิงแก้วเดินหน้ามุ่ยออกเข้ามาในร้านกาแฟไม่สบอารมณ์นัก ปะทะคารมกับทายาทใหญ่แล้วพาลให้อารมณ์เสียไปเปล่าๆ คนอะไรคิดแต่จะเอาชนะ ปากก็ร้าย นิสัยก็เสีย  หล่อนไม่เคยมีปากเสียงกับใครมาก่อน ภู ธนานับเป็นผู้ชายในรอบปีเลยที่ทำให้หล่อนประสาทเสียได้ถึงขนาดนี้ เจ้าหล่อนหลบร้อนมาเก็บรายละเอียดของร้านกาแฟภายในตัวเมืองเพื่อศึกษาการ ตกแต่งร้านและการบริการ พนักงานเข้ามาต้องรับทันทีเมื่ออิงแก้วเข้ามาถึงแต่หล่อนยังไม่พร้อมที่จะ สั่งอาหารหล่อนต้องการห้องน้ำเพราะปั่นจักรยานมาไกลพอสมควรจากไร่ชาญทิพย์มา ถึงร้านแห่งนี้

 

"ดิฉัน ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ไม่ทราบว่าไปทางไหน"หล่อนถามพนักงานที่นำทางหล่อนไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล ไปจากนั้นโดยมีพิมพาที่เดินตามมายังจุดมุ่งหมายเดียวกับอิงแก้วเช่นกัน

ระหว่างเจ้าหล่อนทำธุระส่วนตัวเสร็จขณะที่กำลังออกจากห้องน้ำมาล้างไม้ล้างมือหน้ากระจก พิมพาเดินสวมออกมาจากห้องน้ำด้านข้างพอดี อิงแก้วนึกหลงเลยทีเดียวเมื่อได้เห็นผู้หญิงสวยและดูมีเสน่ห์ดั่งพญาหงส์ อิงแก้วยิ้มให้กับพิมพาเมื่อเธอหันมาสบตา แต่การปฏิกิริยาที่อิงแก้วได้รับกลับมาคือสายตาที่ตวัดหนีอย่างไม่ใยดีราวกับเธอเป็นแค่เศษดินเศษหนึ่งเท่านั้น  ผู้หญิงรูปร่างดีอีกคนเดินเข้าห้องน้ำเช่นกันแต่ง ตัวดีมีระดับพอๆกับพิมพาเมื่อทั้งสองพบกันก็ต่างร้องทักทายกันอย่างดีไม่มี รังเกียจรังงอนแต่อย่างใดพฤติกรรมมันช่างต่างกันเสียจริง  อิงแก้วก้มลงล้างมือต่อราวกับตัวเองเป็นคนต่ำต้อยที่เผลอเข้ามาอยู่ในดงผู้ดีไม่มีผิด

 

"พิม เจอกันบังเอิญนะ มะกี้เห็นเธอมากับหนุ่มหล่อเฟี้ยวเชียว"

 

"ผู้ชายของฉันน่ะ เป็นไง เหมาะสมดีใช่มั้ย" หล่อนยิ้มจิกแกมกัดและโอ้อวดตัวอยู่ไม่น้อย


"เหมาะสมสิ แต่น้อยกว่าทายาทแห่งไร่ชาญทิพย์" เพื่อนสาวที่เข้ามาทักเผยอปากยิ้มบอกเป็นนัยๆว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า


เพราะคำว่าทายาทแห่งไร่ชาญทิพย์ที่ทำให้อิงแก้วสะกิดใจ หล่อนเอียงตัวเล็กน้อยสังเกตเห็นหญิงสาวผมยาวดัดรอน ขนตายาวงอนผิวขาวหยวก เดินเลี้ยวตรงมาพิงกับอ่างเล็กน้อย


"ทำไมเหรอ" พิมพาถามขึ้นสีหน้าอยากรู้


"หล่อเชียว เค้าลือให้แซด รวยก็รวย หล่อก็หล่อ พวกสาวๆพากันสนอกสนใจ"


"หล่อขนาดไหนเชียว สู้กิตติของฉันได้หรือเปล่า" หล่อนยิ้มเยาะมุมปากอันอวบอิ่ม มองแล้วให้นึกอิจฉาทั้งหน้าตาผมเผ้าที่ดูดีไปทุกระเบียบนิ้ว


"ชนะขาดลอย ของแกมันแค่นักเรียนนอก...แต่นี่เค้ามีทรัพย์สินติดตัวเยอะ ไร่กาแฟร้อยๆไร่ เหนือชั้นกว่าเยอะ" เพื่อนสาวของหล่อนว่า  อิง แก้วนิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่นิ่งคิดในใจว่าพวกเขาเป็นเพื่อนภาษาอะไรทำไม เวลาพูดต้องจีบปากจีบคอและพูดราวกับเยาะเย้ยซึ่งกันและกัน


"แล้วไง จะให้ทำอะไรหรือ...ถึงได้เป่าหูฉันอย่างนี้" พิมพาปรอยตามองเพื่อนที่หัวเราะระริก


"หล่อนจะปล่อยให้เลยผ่านเลยหรือไง เขาออกจะเพอเฟ็คขนาดนี้"


"ยังไม่เห็นก็เลยประเมินไม่ได้"


"โธ่ๆๆ ระวังเหอะจะชวด หล่อนน่ะกำลังจะพลาดของดี"


"อย่างฉันนี่นะจะพลาด" พิมพาร้องขึ้น จิกตามองเพื่อนราวกับเย้ยหยันที่พวกเขาช่างประเมินผิดพลาดเสียจริง


"แต่ที่ฉันยังไม่สนใจเพราะฉันยังไม่ได้เห็นกลับตาว่าเค้าดีอย่างที่อ้างหรือเปล่า...ของแบบนี้ต้องให้ลองสัมผัสถึงจะรู้" ปรอยตามองกระจก สังเกตความงามของตนเองทุกเรือนร่าง อิงแก้วแอบมองผ่านกระจกทำตัวเป็นปกติถึงแม้หูจะผึ่งรับข่าวสารได้อย่าง ชัดเจนทุกถ้อยคำ


"แล้วถ้ารู้ว่าดีจริงล่ะยะ หล่อนจะทำไง"เพื่อนสาวอีกคนถามลองเชิง พิมพายิ้มๆนัยน์ตาประกายพราว


"มีหรือว่าผู้ชายอย่างเขาจะขี้คร้านคลานมาหาฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้ผู้ชายที่ดีพร้อมไปทุกอย่างหลุดมือไปง่ายๆหรอก เขาต้องตกเป็นคู่ควงของฉัน"


"แล้วกิตติล่ะ"


"ก็แล้วแต่ว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหน...ฉันยังอยากจะที่ดูว่าผู้ชายทั้งสองคนนี้ใครจะแน่กว่ากัน" พิมพายิ้มมุมปากได้น่าหมั่นไส้  อิงแก้วแอบเบ้ปากให้ โธ่ เธอมันก็แค่นี้หรือไง เอ้อ ยัยสวยเลือกได้


"คบเผื่อเลือกเชียว ต๊าย ต่อไปคงมีข่าวว่าหนุ่มในฝันของสาวๆต้องมาแย่งหล่อนให้สาวๆทั่วประเทศพากันอิจฉา" พิมพาไม่แสดงความคิดเห็นว่าอย่างไรต่อ ได้แต่ยิ้มๆ ขณะที่อิงแก้วเริ่มจะทนไม่ได้เสียแล้วจึงเดินเลี่ยงออกจากห้องน้ำเสียก่อน อะไรกัน...คิดจะคบผู้ชายสองคนเพื่อที่ว่าจะดูว่าใครแน่กว่าใคร เชอะ คิดได้แค่นี้หรือไง



 

 

"อ่อ หุ้นส่วนแกน่ะเค้าเป็นนายหัวน่ะ" บูรณายื่นเบอร์โทรพร้อมโปรเจคให้เพื่อน อิงแก้วรับมาหน้าตาเบิกบานก่อนจะเงยหน้ามองบูรณาที่โยกชิงช้าเล่นด้วยสีหน้าเบิกบานใจ อิงแก้วทอดสายตามองไร่กาแฟในยามเย็น ท้องฟ้าสีส้มสดกระทบกับต้นกาแฟประกายสีแสดระเรื่อพลางเงยหน้ามองก้องเมฆที่ลอยวนปะปนไปด้วยไอหมอกยามเย็น หนาวนี้ถึงจะเย็นเพียงไรแต่บรรยากาศหน้านี้ก็ยังสวยงามอยู่ในใจเสมอ

"นายหัวเหรอ อยู่ไร่ไหนเหรอ" อิงแก้วเอนตัวลงบนผืนหญ้าเขียวชะอุ่มริมเนินทางเรียบลงมายังพื้นไร่ "ไร่หมอกฟ้า"เพื่อนสาวตอบหน้าตาย อิงแก้วพยักหน้ารับกระพริบตาปริบๆมองก้อนเมฆที่ไหลไปตามแรงพัดของลม


"มีด้วยไร่...ไร่อะไรนะ"อิงแก้วยังคงถามเรื่อยเปื่อย  แต่บูรณายังลุกลี้ลุกลนถึงกับต้องเดินไปเดินมา


"เขาไร่ทางใต้นู้นแกไม่รู้จักหรอก แต่ฉันรับรองได้ว่าไว้ใจได้ล้านเปอร์เซ็นเลย"บูรณาว่า อิงแก้วกระพริบตาปริบๆ หล่อนเชื่อว่าบูรณาจะพาคนที่ไว้ใจได้มาเป็นหุ้นส่วนร้านกาแฟ


"เหรอ แล้วแบบนี้ฉันจะเจอเขาได้ไงล่ะ"


"ตอนนี้ก็เจอกันไม่ได้ ถึงให้เบอร์เอาไว้ติดต่อกันเอง...แกต้องจำเอาไว้นะ ต้องเรียกเขาว่านายหัวเท่านั้นเพราะเขาไม่ชอบให้ใครถามซักไซ้ว่าเขามีชื่ออะไร เพราะถ้าแกถามมากเขาจะไม่ร่วมหุ้นกะแก"


"ทำไมเรื่องมากจัง"อิงแก้วหน้ายู่ ยกเบอร์มือถือที่เขียนติดกระดาษขึ้นชูโบกเล่นกับลมที่ผ่านมาพัดปะทะเอื่อยๆ บูรณายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แผนนี้มันยิ่งกว่าละครทีวีเสียอีก ถ้าภูธนารู้จะทำอย่างไร


"ก็แบบนี้แหละ ส่วนเขาจะเรียกชื่อจริงของแกเพราะว่าเขาชอบความเป็นทางการ"


"เหรอ...ฟังไปดูเรื่องเยอะจังแบบนี้ถ้าได้ร่วมงานกันจริงฉันไม่ต้องเป็นทาสเลยเหรอ" อิงแก้วคิดเลยไปไกล นายหัวงั้นหรือ เป็นคนใต้คงจะมีอายุแล้วหนวดเคราคงจะรกรุงรัง  สวมเสื้อหลวมๆออกโทนคล้ำๆ หน้าตาเอาเรื่องเอาราว ไม่พอใจก็ด่าโหดด้วยภาษาใต้ที่หล่อนอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง


"ไม่ ถ้าเขาได้ร่วมงานกับใครแล้วจะเฟรนรี่มาก อย่าคิดมากฉันรับรองเลยว่าคนคนนี้น่ะเป็นคนที่ทางครอบครัวฉันไว้ใจ โดยเฉพาะฉันรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าแกน่ะไม่มีทางเสียใจแน่"บูรณาลื่นไปตามน้ำเอาเกียรติมารับรองขนาดนี้มีหรือที่อิงแก้วจะไม่เชื่อ แต่ก็คงจะเกรงๆกันอยู่เหมือนกันที่ต้องมาทำงานกับผู้ใหญ่เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้

 

 

ประมาณ ทุ่มกว่าแล้ว ภูธนาเดินมาหยุดพักที่ลานชมดาวก่อนจะวางโปรเจคงานที่อ่านมาคร่าวๆของหุ้น ส่วนลง เขารู้สึกโอเคกับฝ่ายนั้นมากละพร้อมที่จะร่วมงานด้วย น้อยนักที่จะมีคนที่เข้าใจงานและมีอุดมการณ์เดียวกัน ผู้หญิงคนนั้นผ่านทั้งด้านไอเดียและความเข้าใจที่ตรงกันแทบทุกด้าน เขาตัดสินใจกดเบอร์โทรของว่าที่หุ้นส่วนที่จะรวมหุ้นร้านกาแฟในอนาคต ซึ่งน้องสาวได้เล่าคร่าวๆไว้ว่าหล่อนคนนี้มีนามว่า ปรายฟ้า เป็นคนชอบฟังอะไรที่กระชับฉับไวรวดเร็ว ซึ่งเขาควรจะพูดให้รวบรัดและกระจ่างอย่างสั้นๆและได้ใจความเมื่อหมดธุระไม่ ควรจะสัมมนาต่อเพราะหล่อนไม่ชอบ

 

"พี่ภูอย่ามากเรื่องเลย อีกอย่างนะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ด้วย พูดจาอะไรน่ะ อย่าลืมนะเค้ามาหุ้นด้วยเพราะมั่นใจว่าพี่น่ะจะสามารถดูแลกิจการได้ จะเป็นเด็กหนุ่มเหลาะแหละไม่ได้แล้วนะ ต้องแสดงศักยภาพหน่อย" บูรณากำชับ

 

"นัดเขามาคุยตัวต่อตัวได้ไหมล่ะ"ภูธนาเริ่มไม่มั่นใจเขาอยากคุยตัวต่อตัวมากกว่าเผื่อมีอะไรจะได้อธิบายเพิ่มเติม แต่บูรณารีบแก้ต่าง

 

"ไม่ได้พอดีเค้าไม่ว่าง เขาไปเมืองนอกน่ะไปทำธุระคงจะยาวน่ะ ตกลงทางโทรศัพท์ไปก่อนว่าจะเอาไง"

 

ภูธนาออกจากภวังค์พลางสังเกตได้ว่าสายที่เขาโทรออกไปสักครู่ ปลายสายได้ยกหูรับสายเขาเรียบร้อยแล้ว "สวัสดีครับ"ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม เช่นเดียวกับปลายสายที่รับโทรศัพท์และกล่าวคำว่า "สวัสดีค่ะ"อิงแก้วตอบมาเช่นกัน ้องเป็นผู้ใหญ่ เป็นทางการ

 

"ผมนายหัวเองนะครับที่จะมาติดต่อเรื่องการร่วมหุ้นร้านกาแฟ" และอีกข้อหนึ่งซึ่งบูรณาได้กล่าวไว้ว่าที่ให้ตัวเขาเรียกตัวเองว่านายหัวเพราะอีกฝ่ายต้องการความมั่นใจในการร่วมหุ้น หากเขาเรียกตัวเองว่านายหัวแล้วธุรกิจก็จะน่าเชื่อถือมากขึ้น

 

"ค่ะ ดิฉันปรายฟ้าค่ะ ดิฉันดีใจมากนะคะที่ได้ร่วมทำธุรกิจกับคุณ หลังจากดิฉันได้อ่านโปรเจคที่คุณส่งมา ดิฉันรู้สึกว่าเราทั้งสองจะมีแนวคิดที่คล้ายกันและสามารถร่วมธุรกิจกัน ได้"เสียงหล่อนออกจะสั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงต้องรักษาน้ำเสียงให้คงที่ ภูธนาเช่นกันที่ต้องเปล่งน้ำเสียงและอารมณ์ให้เป็นผู้ใหญ่ที่น่าไว้วางใจแก่ การทำธุรกิจ

 

"ผมก็เช่นกันครับ...ต่อไปนี้เราคงจะต้องพบกันบ่อยขึ้น...แต่พักนี้ผมไม่ว่างคงต้องคุยกับทางโทรศัพท์กันไปก่อน ซึ่งผมได้ให้ลูกน้องของผมไปดูทำเลที่ตั้งของร้านเรียบร้อยแล้วนะครับ ซึ่งคาดว่าไม่ช้าคงได้แปลนแล้ว"

 

"อ่อค่ะ บูรณาได้เอาหนังสือตกลงทำสัญญาที่คุณฝากมาให้ดิฉันแล้วนะคะ" โอ้ย เกรงสุดๆ อิงแก้วต้องวางท่าเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ใช่ตัวหล่อนเลย อีกฝ่ายจะติดใจไหมว่าหล่อนเสียงสั่นขนาดนี้ แล้วเขาจะจับได้ไหมว่าหล่อนเกร็งมาก

 

"อ่อครับ ผมยินดีที่จะได้ร่วมทำธุรกิจกับคุณปรายฟ้า" ต่างฝ่ายต่างอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรเพราะงานนี้ก็ต่างเป็นงานใหม่ของทั้งคู่ ขณะที่ภูธนาจินตนาการไว้ว่าหญิงสาวปลายสายคงเป็นผู้ใหญ่ แล้วและก็คงมีธุรกิจแล้วส่วนหนึ่งทางด้านอิงแก้วก็เช่นกันที่คิดว่าชายหนุ่ม ต้องแก่และเรื่องมากสุด

 

"เมื่อเป็นอันเข้าใจแล้ว ผมคงต้องเท่านี้ก่อนถ้ามีอะไรเพิ่มเติมผมจะแจ้งอีกทีนะครับ"

 

"ค่ะ"


ต่างคนต่างวางสาย ก่อนจะถอนหายใจจนสุดปอด.... เฮ้อ รู้สึกอึดอัดมากๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่ จะต้องเป็นแบบนี้นานแค่ไหนเหนอ ภูธนาแทบทรุดทั้งยืนเขารู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างถึงที่สุดความ รู้สึกปวดตับที่ภูธนาเป็นคงไม่แพ้อิงแก้วเช่นกันการทำธุรกิจสำหรับผู้หญิง ที่ไม่เคยมีประสบการณ์และกำลังจะทำอะไรซักอย่างมันช่างตื่นเต้นและท้าทาย ความสามารถอยู่ไม่น้อย

 
Link to Post    -Back to Top

Bookmark and Share

กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
Advertising Zone    Close
 
 
 
 
 
 
Online:  1
Visits:  57,701
Today:  4
PageView/Month:  51

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com