ตอนที่ 4 "แกหาหุ้นส่วนให้พี่ได้แล้วเหรอ!"ภูธนาวิ่งออกมานอกระเบียงชมดาวบ้านไร่ชาญทิพย์ บูรณายักคิ้วอวดความสามารถตนเอง ชายหนุ่มกระโดด ร้องตะโกนดีอกดีใจความของเขาใกล้จะเป็นจริงแล้วเมื่อมีคนที่พร้อมจะมาร่วม อุดมการณ์เดียวกัน บูรณายิ้มๆทอดสายตามองดวงดาวนับล้านที่อยู่ประดับบนท้องฟ้าในคืนเดือนมืด ไร่กาแฟยามนี้เงียบสงบมีเพียงแต่สายลมพัดเอื่อยกระทบยอดต้นกาแฟไหวเป็นแนว ทางเดียวกัน
"บอกแล้วไงว่า ฝีมือ คนที่มีแนวคิดเดียวกับพี่ภูหาไม่ยากหรอก" บูรณาบอกพลางนึกถึงอิงแก้วในภาพยิ้มกว้าง ภูธนามองน้องสาวด้วยความชื่นชมก่อนจะถามถึงที่มา "จริงเหรอ...แล้วใครกันที่สนใจอยากทำร้านกาแฟ"ชายหนุ่มถามต่อไม่ให้ขาดช่วง ขณะที่น้องสาวยิ้มเจื่อนๆก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางเพื่อให้ให้พี่ชายเห็นสีหน้าอันแสนเจ้าเล่ห์ "พี่ภูไม่รู้จักหรอก" "แล้วเค้าชื่อว่าอะไรล่ะ ยังไงเราก็ต้องมาร่วมหุ้นกันอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม"เขายังไม่เลิกซักไซ้ ซึ่งที่จริงไม่ได้ติดใจว่าน้องสาวจะโกหกที่เขาอดดีใจไม่ได้ต่างหากว่าใครกันที่ช่าง เข้ามาในช่วงเวลาที่แสนเหมาะเจาะนี้ บูรณายิ้มกว้างกลบเกลื่อนความจริง ว่าที่แท้แล้วคนที่มีความฝันเดียวกับภูธนาคือเพื่อนตัวแสบที่ชายหนุ่มไม่มีทางจะมาร่วมงานด้วยเป็นเด็ดขาด "อ๋อ ก็เพื่อนๆบูรน่ะแหละ แหมพี่ภู ก็ดีแล้วที่จะมีผู้ร่วมขบวนการอีกคน"บูรณาเอี่ยวตัวหนีมาอีกทาง ภูธนาเริ่มกลับมาในอาการจิตฝ่ออีกครั้ง เพื่อนหรือนอกจากยัยอิงแก้วจอมก๋ากั่นนั่นแล้วจะมีใครอีกไป "อย่าบอกว่ายังอิงแก้ว" "เฮ้ย ไม่ใช่นะ พี่ภูก็ว่าไป บูรคงไม่เล่นแผลงๆหรอก"บูรณาร้องเสียงหลงโบกมือเร็วๆ ชายหนุ่มเหลือบตามองน้องสาวจับผิดทุกประการ "แล้วเพื่อนที่ไหนล่ะ จะไว้ใจได้หรือ"ภูธนาจ้องน้องสาวตาเขม็ง คนอย่างภูธนาคงไม่มีทาง ร่วมงานกับคนที่ไม่ถูกชะตาด้วย โดยเฉพาะอิงแก้ว "ก็บอกว่าพี่ไม่รู้จักหรอกน่ะ...เชื่อเหอะ นี่ เพื่อนบูรน่ะมีหลายคนจะตาย แล้วเพื่อนคนนี้น่ะตอนนี้เขาก็เป็นแม่เลี้ยงแล้วนะ พอดีเค้าแต่งงานกับเศรษฐีน่ะตอนนี้รวยเละ" "อืม แบบนี้ก็ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย แล้วเขาว่าไงบ้าง"ชายหนุ่มถามต่อไม่ติดสงสัยต่อ บูรณาเปลี่ยนสีหน้าทันควัน "อ่อ เขาบอกว่าจะส่งโปรเจคมาให้พี่พิจารณาก่อนนะ" "อืม ก็ดีเหมือนกันเดี๋ยวพี่ก็จะฝากโปรเจคไปให้ฝั่งนู้นดูด้วย จะได้เข้าใจงานกัน"
"โอเคค่ะ เดี๋ยวบูรจะจัดการให้นะคะ"บูรณายิ้มตาหยี และแล้วทุกอย่างก็ไปได้ดีกว่าที่คิดและภูธนาก็ไม่ติดสงสัยอะไร จริงแล้วหล่อนไม่ได้อยากคิดแกล้งให้เลวร้าย แต่หล่อนเห็นแล้วว่าอิงแก้วเป็นคนมุ่งมั่นและมีหัวคิดที่ดี ส่วนภูธนาก็สามารถจัดการงานต่างๆได้อย่างเป็นระบบ หากทั้งสองได้ร่วมงานโดยได้อคติ ร้านกาแฟต้องไปได้รุ่งแน่ๆ "ง่วงแล้วนะ บูรไปนอนแล้วนะ พี่ภูก็เตรียมตัวได้เลยนะเพื่อนคนนี้ตกลงแน่นอน"เจ้าหล่อนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ภูธนาพยักหน้ารับในดวงตาของเขายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเป้าหมายที่มุ่งมั่นจะทำทุกอย่างให้สำเร็จลุเรื่องไปด้วยดี ความฝันของเขากำลังจะเป็นจริงทุกอย่างกำลังจะเริ่มในไม่ช้า อิง แก้วเดินหอบหนังสือการทำกาแฟมานั่งอ่าน ณ ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนกาแฟแห่งไร่ชาญทิพย์ ที่ประจำ อิงแก้วที่ชอบมาแกว่งชิงช้าเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่บ่อยๆเวลาที่เธอเบื่อๆและหา มุมสงบ บ่อยครั้งที่ได้ทอดสายตาและอารมณ์ไปกับชอบบรรยากาศและทิวทัศน์ภายในไร่ที่ ไกลสุดลูกหูลูกตาเพียงแค่ได้ฝันว่าหล่อนจะเป็นเจ้าหญิงที่ได้ครอบครองความงด งามของที่นี่ก็ทำให้เธอมีความสุขเล็กๆในหัวใจแล้ว น ยามสายๆที่แดดเริ่มตกกระทบผืนดินให้ปรากฏภาพสีแดงสดภูธนาออกดูงานรอบๆไร่โดยรถจักรยานคู่ใจออกสำรวจงานหลังพักงานในโรงคั่วกาแฟ ระหว่างที่กำลังแวะเข้าโรงคนงานอีกฟาก พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ อดสงสัยมิได้ว่าเป็นใครมาจากไหน ดูไม่คุ้นเสียเลย จึงเลี้ยวรถเข้ามาใกล้ มองด้านหลังเห็นไรผมสีน้ำตาลอ่อนมัดโบรวบครึ่งหัว ท่าจะน่ารักเสียด้วย ชายหนุ่มชะรอรถแวะจอดจอดริมทาง "อะแฮ่ม หวัดดีครับ"เสียงของผู้ชาย!! อิงแก้วเงยหน้าขึ้น พลางจับสังเกตชายหนุ่มผู้มาเยือน เจ้าหล่อนสะดุ้งเล็กน้อยเพราะจำผู้ชายผู้นี้ได้แน่แท้ รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ทรงผมแบบนี้ สายตาคู่วาว ทายาทใหญ่เจ้าของไร่ชาญทิพย์แสนจะโรคจิตนั่นเอง "สวัสดีค่ะ"หล่อนฉีกยิ้มทัก ก่อนจะก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือในมือต่อถึงแม้ในใจหล่อนจะคิดต่อต้านและอยากเดินออกไปจากที่นี่เสียแต่หากกะโตกกะตากเขาจะหาว่าหล่อนไม่กล้าสู้หน้าอีก ชายหนุ่มชะงัก ขมวดคิ้วเพ่งมอง เห็นท่าทีกวนไม่สนโลกของเจ้าหล่อนมันช่างทำให้เขายิ่งหัวเสีย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่มองเขาผ่านเลยขนาดนี้ "เธอเป็นใครน่ะ"เขาถามสวนขึ้นน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก อิงแก้วเงยหน้าสบคู่ใสของชายหนุ่มที่แอบยิ้ม เล็กน้อยเมื่อพบดวงหน้าสว่างใสของเจ้าหล่อนที่ดูแสนน่ารักปากนิดจมูกหน่อยแถมยังมีนวลแก้มสีชมพูอ่อนระเรื่อน่ามอง
"คุณไม่น่าจะถามคำถามนี้กับฉันเลยนะคะ" หล่อนอยากจะแยกสมองเขานัก วันก่อนเขาเพิ่งจะด่าหล่อนต่างๆนาๆแต่มาวันนี้กลับกลายเป็นคนละคนจากที่หล่อนเคยได้รู้จักมา "เราเคยรู้จักกันหรือครับ" เขาถามต่อ ท่าจะบ้า!! หญิงสาวคิด เขาก็คุ้นแต่ก็ไม่ได้แคลงใจหล่อนอาจจะแกล้งกวนให้เขานึกสนใจ แม่สาวน้อยคนนี้เขาช่างหัวใจแล้วว่าไม่เคยเจอหล่อนแน่ แต่หากได้เจอก่อนหน้านี้เขาคงจะหลงรักหล่อนหักปักหัวปำและคงได้ลงเอยกันแล้ว "ผมจำไม่ได้ เคยพบกันหรือทำไมไม่ยักกะจำ หรือว่าคุณจะบอกว่าเราคือพรมลิขิตกัน"
"พรมลิขิตงั้นหรือ ฉันว่ามันน้ำเน่าไปนะ แต่ถ้าให้พูดเรารู้จักกันดีเลยแหละ"หล่อนยังคงยืนยัน ชายหนุ่มเลิกคิ้วคิดว่าเจ้าหล่อนดูแพรวพราวอยู่ไม่น้อยถึงได้บอกว่ารู้จักกันดี เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ารู้จักกันดีนั้นถึงขั้นไหน
"เหรอ ผมก็อยากรู้จักคุณดีบ้างจัง จะรู้จักกันดีได้ยังไงหรือบอกมาหน่อยสิได้ไหม" ชายหนุ่มยิ้มนัยต์เจ้าชู้ ว่าจะมาไม้ไหนกันแน่...เอ หรือหล่อนกำลังสนใจเขาและกำลังใช้มุขตื้นๆเหมือนที่สาวคนอื่นเคยทำกับเขามา ภูธนายิ้มแอบเข้าข้างตนเองแต่ก็ยังถามหล่อนต่อไปว่า "เฉลยได้ยังว่าเธอคือใคร...เป็นเจ้าหญิงในหัวใจของผมหรือเปล่า"
อิงแก้วค้อนหางตาให้ หน้าตาก็ไม่ได้เหี่ยวย่น ทำไมความจำเสื่อมถอยได้ขนาดนี้ แถมยังพูดจาได้น่าเอียนเสียยิ่งกระไร คงจะเป็นมุขที่พวกเจ้าชู้เค้าชอบพูดกันเวลาอ่อยสาวนี่เขากำลังจะแกล้งหรือ
"ฉันไม่ตลกกับพี่ด้วยหรอกนะ ที่มาทำตาแบบนั้นใส่ฉัน" "ทำไมล่ะในเมื่อเราก็คิดเหมือนกัน" เขายังไม่เลิกหยอกไก่ อิงแก้วกำลังฉุนที่เขาพูดจาสองแง่สองง่ามกับหล่อน
"ฉันนี่นะคิดเหมือนพี่ ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำ"หล่อนตอบเสียงขุ่น แล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ ภูธนากัดฟันเหลือบมองสุดจะทน ยียวนนักนะ ณ ตอนนี้ความสนใจกลับกลายเป็นความหมั่นไส้ทันพลัน หล่อนจะเล่นตัวเกินงามไปแล้ว "เล่นตัวมากไม่ดีนะ อย่าบอกนะ ที่มานั่งอ่านหนังสือแล้วมาเจอกันมันคือความบังเอิญ แต่ผมว่าไม่ใช่ คุณต้องการเจอผมมากกว่า ผมรู้ว่าคุณก็สนในตัวผมอยู่ แล้วตอนนี้ผมก็สนคุณเข้าอย่างจังเลย ไหนๆเราก็คิดเหมือนกันแล้วมันยังลงเอยกันไม่ได้หรือ"คำพูดนี้ถึงกลับทำให้หญิงสาวเงยหน้ามาทันพลัน แถมยังทำทีท่าไม่พอใจอย่างหนักหนาสาหัส
"อะไรนะ นี่ดูถูกกันอีกแล้วใช่มะ คนแบบพี่น่ะวันๆก็ดีแต่ดูถูกผู้หญิง พอได้เชยชมสมอารมณ์หมายก็ทิ้ง ผู้ชายแบบนี้ไม่มีทางที่จะได้จดจำในความทรงจำของฉันหรอก และคนแบบฉันก็ไม่มีวันหลงคารมเน่าๆลิเกๆแบบนี้ด้วยหรอก"
"นี่เธอ..." ชายหนุ่มชะงักโมโหก็โมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เจ้าหล่อนร้ายกาจอยู่ไม่น้อยกล้าต่อปากต่อคำ จะว่าไปหล่อนคงไม่ใช่ลูกคนงานแน่ที่จะอาจหาญมาต่อกรกับเขาหรือแม้กระทั่งคนผ่านทาง สีหน้าเอาเรื่องและน้ำเสียงแบบนี้เขากลับคุ้นหูราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน
"เธอเป็นใครกันแน่"เขาถามอารมณ์ยัวะๆ เจ้า หล่อนก็ไม่ต่างกัน เธอลุกขึ้นจากชิงช้าเข้ามาประจันหน้ากับเขาใกล้ๆถึงแม้ในใจภูธนาจะหวั่นไหว กันดวงหน้าของเจ้าหล่อนแต่ก็ยังซ่อนมันไว้ภายใต้ดวงตาที่เย็นชา
"ดูปากให้ดีนะ ฉันมีชื่อว่า....อิงแก้ว ...จำกันได้ไหม"
"หา!"ชายหนุ่มร้องขึ้นเสียงหลง จับจ้องเจ้าหล่อนไม่คลาดตา ภาพหญิงสาวคนที่เขาเข้ามาก้อล้อก้อ ติกคือภาพผู้หญิงที่เขาบอกเกลียดนักเกลียดหนาไม่อยากเจอ เพื่อนรักของน้องสาวอิงแก้วผู้หญิงที่ด่าเขาผ่านทางโทรศัพท์คือหล่อนนั่นเอง
"ฉันอิงแก้วเพื่อนสนิทบูรณา"คราวนี้เป็นเขาเองที่นึกอึ้ง กิมกี่ ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มแสนน่ารักตรงหน้าจะเป็นยัยหน้าเสล่อที่ ไม่เคยฉายแววความสวยให้เห็นเมื่อตอนครั้งแรกที่พบเจอตอนสมัยเรียน มหาวิทยาลัย เขาจำได้แม่นภาพเด็กผู้หญิงหัวกระเซิง สวมแว่น หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่คนนั้นจะกลายมาเป็นผู้หญิงที่เขามองไม่วางตา ภูธนาเก็บอาการเล็กน้อยก่อนจะตีหน้าตายทำเป็นไม่เกิดอะไรขึ้น
"มาทำอะไรที่นี่"
"ก็มานั่งเล่นตามปกติของฉัน ฉันมาอ่านหนังสือ"หล่อนตอบแกมสะใจที่เห็นเขายังมีสีหน้าทึ่งๆ เขาคงเสียหน้ามากหล่อนรู้ดี แต่ภูธนาก็สามารถตีหน้าตายทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ครั้งแรก
"ใครอนุญาต" ภูธนาเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วและกลายเป็นภูธนาที่คอยแต่จะจับผิด เขาไม่ยอมให้หล่อนต่อกรเพียงฝ่ายเดียวเห็นแบบนี้คงต้องตอกกลับบ้าง "ที่นี่เป็นที่ที่ฉันกับบูรมานั่งกันเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องขอใคร" "ก็ใครจะไปรู้ คนนอกไว้ใจไม่ได้"เขายิ้มมุมปากสะใจนิดๆและกำลังหาเรื่องกวนหล่อนทุกวิถีทาง "อ้อ นี่เห็นกันเป็นคนนอก" หล่อนถลึงตามองชายหนุ่ม โธ่! ไอ้หน้าตาและนิสัยแย่ๆ เผด็จการแบบนี้ นี่นะจะมาดูแลไร่ชาญทิพย์ "ทำไมต้องร้อนตัวด้วยล่ะ หรือว่าเธอชอบมาก่อกวนที่นี่ อ้อ ก็เลยร้อนตัว" "ไม่ได้ทุกข์ร้อนสักหน่อย"อิงแก้วกอดอกเชิ่ดหน้าถึงแม้ในใจจะพลุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว "แต่ทีท่าแค่นี้ใครเห็นก็รู้ว่าร้อนตัว...แล้วทำไมต้องยอมรับเป็นคนนอกด้วย...แปลว่าเธอยอมรับ" "เอ๊ะ" "ทำไมครับคุณอิงแก้ว"ชายหนุ่มยังไม่เลิกลาส่งสายตายียวนให้หล่อนหัวใจ หญิงสาวกลั้นอารมณ์ไว้ไม่เสียแล้วเผลอปากออกมาจนได้ว่า "ไม่ทำไมหรอกเพียงแต่ว่า ฉันก็ไม่อยากจะให้ไร่ชาญทิพย์ที่สวยงามต้องแย่นะเพราะมีคนที่จะมาบริหารคนต่อไปเป็นคนเผด็จการมองโลกในแง่ร้าย แถมยังขี้เหล้าชอบโทรมาละลานชาวบ้านเค้าไปทั่ว มันหน้าขายขี้หน้า" ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ว่าแล้วเรื่องนี้ต้องมาเคลียร์สักหน่อย "อ้อ เจอกันก็ดีจะได้มาเคลียร์เรื่องนั้นสักหน่อย" "เรื่องอะไรฉันไม่เห็นรู้เรื่อง"เจ้าหล่อนเมินหน้าหนีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ภูธนาเดินวนมาสบตากับเจ้าหล่อนจนได้ "ก็เรื่องโทรศัพท์ไง" "ฉันไม่รู้อะไรสักหน่อย..." อิงแก้วไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีกและเขาก็พยายามเสียเหลือเกินที่จะรื้อฟื้น "ก็เรื่องที่พี่โทรเข้าเครื่องบูรแล้วเธอก็รับเมื่อวันก่อน" หญิงสาวทำท่าคิดก่อนจะปรอยตามองชายหนุ่ม รู้แล้วว่าจะสวนไปเช่นไร "ที่ ฉันจำได้นะ เมื่อวันก่อนมีไอ้ขี้เมาโรคจิตน่ะมันโทรสุ่มสี่สุ่มห้ามา กิริยามารยาทในการพูดต่ำทรามมาก...พี่ยังจะยอมรับอีกเหรอว่าเป็นพี่เอง" "นี่ยัยอิง" "มีอะไรหรือคะคุณภูธนา"อิงแก้วยักคิ้วข้างเดียวให้ ชายหนุ่มเห็นยิ่งประสาทเสียที่หล่อนปั่นสติของเขาให้กระเจิงสำเร็จ "นี่เธอ.."ภูธนาเถียงไม่ออก อิงแก้วฉีกยิ้มแกมเยาะก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมากอดในอ้อมแขน "ฉันไม่มีเวลาสนทนาหรือต่อกรหรอกนะ...พอดีฉันคุยกับคนบ้าไม่รู้เรื่อง ขอตัว" หล่อนตวัดตาใส่เขาก่อนจะเดินผละออกไปโดยไม่สนว่าภูธนาจะดิ้นพล่านเพียงไร ชายหนุ่มฉีกยิ้มมุมปากด้วยความเจ็บใจตัวเองที่โดนผู้หญิงตัวเล็กๆเอาคืนได้ขนาดนี้ หล่อนร้ายใช่ย่อยปากคะเลาะร้ายจนเขาประมาทไม่ได้เสียแล้ว
ติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 4 "แกหาหุ้นส่วนให้พี่ได้แล้วเหรอ!"ภูธนาวิ่งออกมานอกระเบียงชมดาวบ้านไร่ชาญทิพย์ บูรณายักคิ้วอวดความสามารถตนเอง ชายหนุ่มกระโดด ร้องตะโกนดีอกดีใจความของเขาใกล้จะเป็นจริงแล้วเมื่อมีคนที่พร้อมจะมาร่วม อุดมการณ์เดียวกัน บูรณายิ้มๆทอดสายตามองดวงดาวนับล้านที่อยู่ประดับบนท้องฟ้าในคืนเดือนมืด ไร่กาแฟยามนี้เงียบสงบมีเพียงแต่สายลมพัดเอื่อยกระทบยอดต้นกาแฟไหวเป็นแนว ทางเดียวกัน
"บอกแล้วไงว่า ฝีมือ คนที่มีแนวคิดเดียวกับพี่ภูหาไม่ยากหรอก" บูรณาบอกพลางนึกถึงอิงแก้วในภาพยิ้มกว้าง ภูธนามองน้องสาวด้วยความชื่นชมก่อนจะถามถึงที่มา "จริงเหรอ...แล้วใครกันที่สนใจอยากทำร้านกาแฟ"ชายหนุ่มถามต่อไม่ให้ขาดช่วง ขณะที่น้องสาวยิ้มเจื่อนๆก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางเพื่อให้ให้พี่ชายเห็นสีหน้าอันแสนเจ้าเล่ห์ "พี่ภูไม่รู้จักหรอก" "แล้วเค้าชื่อว่าอะไรล่ะ ยังไงเราก็ต้องมาร่วมหุ้นกันอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม"เขายังไม่เลิกซักไซ้ ซึ่งที่จริงไม่ได้ติดใจว่าน้องสาวจะโกหกที่เขาอดดีใจไม่ได้ต่างหากว่าใครกันที่ช่าง เข้ามาในช่วงเวลาที่แสนเหมาะเจาะนี้ บูรณายิ้มกว้างกลบเกลื่อนความจริง ว่าที่แท้แล้วคนที่มีความฝันเดียวกับภูธนาคือเพื่อนตัวแสบที่ชายหนุ่มไม่มีทางจะมาร่วมงานด้วยเป็นเด็ดขาด "อ๋อ ก็เพื่อนๆบูรน่ะแหละ แหมพี่ภู ก็ดีแล้วที่จะมีผู้ร่วมขบวนการอีกคน"บูรณาเอี่ยวตัวหนีมาอีกทาง ภูธนาเริ่มกลับมาในอาการจิตฝ่ออีกครั้ง เพื่อนหรือนอกจากยัยอิงแก้วจอมก๋ากั่นนั่นแล้วจะมีใครอีกไป "อย่าบอกว่ายังอิงแก้ว" "เฮ้ย ไม่ใช่นะ พี่ภูก็ว่าไป บูรคงไม่เล่นแผลงๆหรอก"บูรณาร้องเสียงหลงโบกมือเร็วๆ ชายหนุ่มเหลือบตามองน้องสาวจับผิดทุกประการ "แล้วเพื่อนที่ไหนล่ะ จะไว้ใจได้หรือ"ภูธนาจ้องน้องสาวตาเขม็ง คนอย่างภูธนาคงไม่มีทาง ร่วมงานกับคนที่ไม่ถูกชะตาด้วย โดยเฉพาะอิงแก้ว "ก็บอกว่าพี่ไม่รู้จักหรอกน่ะ...เชื่อเหอะ นี่ เพื่อนบูรน่ะมีหลายคนจะตาย แล้วเพื่อนคนนี้น่ะตอนนี้เขาก็เป็นแม่เลี้ยงแล้วนะ พอดีเค้าแต่งงานกับเศรษฐีน่ะตอนนี้รวยเละ" "อืม แบบนี้ก็ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย แล้วเขาว่าไงบ้าง"ชายหนุ่มถามต่อไม่ติดสงสัยต่อ บูรณาเปลี่ยนสีหน้าทันควัน "อ่อ เขาบอกว่าจะส่งโปรเจคมาให้พี่พิจารณาก่อนนะ" "อืม ก็ดีเหมือนกันเดี๋ยวพี่ก็จะฝากโปรเจคไปให้ฝั่งนู้นดูด้วย จะได้เข้าใจงานกัน"
"โอเคค่ะ เดี๋ยวบูรจะจัดการให้นะคะ"บูรณายิ้มตาหยี และแล้วทุกอย่างก็ไปได้ดีกว่าที่คิดและภูธนาก็ไม่ติดสงสัยอะไร จริงแล้วหล่อนไม่ได้อยากคิดแกล้งให้เลวร้าย แต่หล่อนเห็นแล้วว่าอิงแก้วเป็นคนมุ่งมั่นและมีหัวคิดที่ดี ส่วนภูธนาก็สามารถจัดการงานต่างๆได้อย่างเป็นระบบ หากทั้งสองได้ร่วมงานโดยได้อคติ ร้านกาแฟต้องไปได้รุ่งแน่ๆ "ง่วงแล้วนะ บูรไปนอนแล้วนะ พี่ภูก็เตรียมตัวได้เลยนะเพื่อนคนนี้ตกลงแน่นอน"เจ้าหล่อนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ภูธนาพยักหน้ารับในดวงตาของเขายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเป้าหมายที่มุ่งมั่นจะทำทุกอย่างให้สำเร็จลุเรื่องไปด้วยดี ความฝันของเขากำลังจะเป็นจริงทุกอย่างกำลังจะเริ่มในไม่ช้า อิง แก้วเดินหอบหนังสือการทำกาแฟมานั่งอ่าน ณ ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนกาแฟแห่งไร่ชาญทิพย์ ที่ประจำ อิงแก้วที่ชอบมาแกว่งชิงช้าเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่บ่อยๆเวลาที่เธอเบื่อๆและหา มุมสงบ บ่อยครั้งที่ได้ทอดสายตาและอารมณ์ไปกับชอบบรรยากาศและทิวทัศน์ภายในไร่ที่ ไกลสุดลูกหูลูกตาเพียงแค่ได้ฝันว่าหล่อนจะเป็นเจ้าหญิงที่ได้ครอบครองความงด งามของที่นี่ก็ทำให้เธอมีความสุขเล็กๆในหัวใจแล้ว น ยามสายๆที่แดดเริ่มตกกระทบผืนดินให้ปรากฏภาพสีแดงสดภูธนาออกดูงานรอบๆไร่โดยรถจักรยานคู่ใจออกสำรวจงานหลังพักงานในโรงคั่วกาแฟ ระหว่างที่กำลังแวะเข้าโรงคนงานอีกฟาก พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ อดสงสัยมิได้ว่าเป็นใครมาจากไหน ดูไม่คุ้นเสียเลย จึงเลี้ยวรถเข้ามาใกล้ มองด้านหลังเห็นไรผมสีน้ำตาลอ่อนมัดโบรวบครึ่งหัว ท่าจะน่ารักเสียด้วย ชายหนุ่มชะรอรถแวะจอดจอดริมทาง "อะแฮ่ม หวัดดีครับ"เสียงของผู้ชาย!! อิงแก้วเงยหน้าขึ้น พลางจับสังเกตชายหนุ่มผู้มาเยือน เจ้าหล่อนสะดุ้งเล็กน้อยเพราะจำผู้ชายผู้นี้ได้แน่แท้ รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ทรงผมแบบนี้ สายตาคู่วาว ทายาทใหญ่เจ้าของไร่ชาญทิพย์แสนจะโรคจิตนั่นเอง "สวัสดีค่ะ"หล่อนฉีกยิ้มทัก ก่อนจะก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือในมือต่อถึงแม้ในใจหล่อนจะคิดต่อต้านและอยากเดินออกไปจากที่นี่เสียแต่หากกะโตกกะตากเขาจะหาว่าหล่อนไม่กล้าสู้หน้าอีก ชายหนุ่มชะงัก ขมวดคิ้วเพ่งมอง เห็นท่าทีกวนไม่สนโลกของเจ้าหล่อนมันช่างทำให้เขายิ่งหัวเสีย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่มองเขาผ่านเลยขนาดนี้ "เธอเป็นใครน่ะ"เขาถามสวนขึ้นน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก อิงแก้วเงยหน้าสบคู่ใสของชายหนุ่มที่แอบยิ้ม เล็กน้อยเมื่อพบดวงหน้าสว่างใสของเจ้าหล่อนที่ดูแสนน่ารักปากนิดจมูกหน่อยแถมยังมีนวลแก้มสีชมพูอ่อนระเรื่อน่ามอง
"คุณไม่น่าจะถามคำถามนี้กับฉันเลยนะคะ" หล่อนอยากจะแยกสมองเขานัก วันก่อนเขาเพิ่งจะด่าหล่อนต่างๆนาๆแต่มาวันนี้กลับกลายเป็นคนละคนจากที่หล่อนเคยได้รู้จักมา "เราเคยรู้จักกันหรือครับ" เขาถามต่อ ท่าจะบ้า!! หญิงสาวคิด เขาก็คุ้นแต่ก็ไม่ได้แคลงใจหล่อนอาจจะแกล้งกวนให้เขานึกสนใจ แม่สาวน้อยคนนี้เขาช่างหัวใจแล้วว่าไม่เคยเจอหล่อนแน่ แต่หากได้เจอก่อนหน้านี้เขาคงจะหลงรักหล่อนหักปักหัวปำและคงได้ลงเอยกันแล้ว "ผมจำไม่ได้ เคยพบกันหรือทำไมไม่ยักกะจำ หรือว่าคุณจะบอกว่าเราคือพรมลิขิตกัน"
"พรมลิขิตงั้นหรือ ฉันว่ามันน้ำเน่าไปนะ แต่ถ้าให้พูดเรารู้จักกันดีเลยแหละ"หล่อนยังคงยืนยัน ชายหนุ่มเลิกคิ้วคิดว่าเจ้าหล่อนดูแพรวพราวอยู่ไม่น้อยถึงได้บอกว่ารู้จักกันดี เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ารู้จักกันดีนั้นถึงขั้นไหน
"เหรอ ผมก็อยากรู้จักคุณดีบ้างจัง จะรู้จักกันดีได้ยังไงหรือบอกมาหน่อยสิได้ไหม" ชายหนุ่มยิ้มนัยต์เจ้าชู้ ว่าจะมาไม้ไหนกันแน่...เอ หรือหล่อนกำลังสนใจเขาและกำลังใช้มุขตื้นๆเหมือนที่สาวคนอื่นเคยทำกับเขามา ภูธนายิ้มแอบเข้าข้างตนเองแต่ก็ยังถามหล่อนต่อไปว่า "เฉลยได้ยังว่าเธอคือใคร...เป็นเจ้าหญิงในหัวใจของผมหรือเปล่า"
อิงแก้วค้อนหางตาให้ หน้าตาก็ไม่ได้เหี่ยวย่น ทำไมความจำเสื่อมถอยได้ขนาดนี้ แถมยังพูดจาได้น่าเอียนเสียยิ่งกระไร คงจะเป็นมุขที่พวกเจ้าชู้เค้าชอบพูดกันเวลาอ่อยสาวนี่เขากำลังจะแกล้งหรือ
"ฉันไม่ตลกกับพี่ด้วยหรอกนะ ที่มาทำตาแบบนั้นใส่ฉัน" "ทำไมล่ะในเมื่อเราก็คิดเหมือนกัน" เขายังไม่เลิกหยอกไก่ อิงแก้วกำลังฉุนที่เขาพูดจาสองแง่สองง่ามกับหล่อน
"ฉันนี่นะคิดเหมือนพี่ ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำ"หล่อนตอบเสียงขุ่น แล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ ภูธนากัดฟันเหลือบมองสุดจะทน ยียวนนักนะ ณ ตอนนี้ความสนใจกลับกลายเป็นความหมั่นไส้ทันพลัน หล่อนจะเล่นตัวเกินงามไปแล้ว "เล่นตัวมากไม่ดีนะ อย่าบอกนะ ที่มานั่งอ่านหนังสือแล้วมาเจอกันมันคือความบังเอิญ แต่ผมว่าไม่ใช่ คุณต้องการเจอผมมากกว่า ผมรู้ว่าคุณก็สนในตัวผมอยู่ แล้วตอนนี้ผมก็สนคุณเข้าอย่างจังเลย ไหนๆเราก็คิดเหมือนกันแล้วมันยังลงเอยกันไม่ได้หรือ"คำพูดนี้ถึงกลับทำให้หญิงสาวเงยหน้ามาทันพลัน แถมยังทำทีท่าไม่พอใจอย่างหนักหนาสาหัส
"อะไรนะ นี่ดูถูกกันอีกแล้วใช่มะ คนแบบพี่น่ะวันๆก็ดีแต่ดูถูกผู้หญิง พอได้เชยชมสมอารมณ์หมายก็ทิ้ง ผู้ชายแบบนี้ไม่มีทางที่จะได้จดจำในความทรงจำของฉันหรอก และคนแบบฉันก็ไม่มีวันหลงคารมเน่าๆลิเกๆแบบนี้ด้วยหรอก"
"นี่เธอ..." ชายหนุ่มชะงักโมโหก็โมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เจ้าหล่อนร้ายกาจอยู่ไม่น้อยกล้าต่อปากต่อคำ จะว่าไปหล่อนคงไม่ใช่ลูกคนงานแน่ที่จะอาจหาญมาต่อกรกับเขาหรือแม้กระทั่งคนผ่านทาง สีหน้าเอาเรื่องและน้ำเสียงแบบนี้เขากลับคุ้นหูราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน
"เธอเป็นใครกันแน่"เขาถามอารมณ์ยัวะๆ เจ้า หล่อนก็ไม่ต่างกัน เธอลุกขึ้นจากชิงช้าเข้ามาประจันหน้ากับเขาใกล้ๆถึงแม้ในใจภูธนาจะหวั่นไหว กันดวงหน้าของเจ้าหล่อนแต่ก็ยังซ่อนมันไว้ภายใต้ดวงตาที่เย็นชา
"ดูปากให้ดีนะ ฉันมีชื่อว่า....อิงแก้ว ...จำกันได้ไหม"
"หา!"ชายหนุ่มร้องขึ้นเสียงหลง จับจ้องเจ้าหล่อนไม่คลาดตา ภาพหญิงสาวคนที่เขาเข้ามาก้อล้อก้อ ติกคือภาพผู้หญิงที่เขาบอกเกลียดนักเกลียดหนาไม่อยากเจอ เพื่อนรักของน้องสาวอิงแก้วผู้หญิงที่ด่าเขาผ่านทางโทรศัพท์คือหล่อนนั่นเอง
"ฉันอิงแก้วเพื่อนสนิทบูรณา"คราวนี้เป็นเขาเองที่นึกอึ้ง กิมกี่ ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มแสนน่ารักตรงหน้าจะเป็นยัยหน้าเสล่อที่ ไม่เคยฉายแววความสวยให้เห็นเมื่อตอนครั้งแรกที่พบเจอตอนสมัยเรียน มหาวิทยาลัย เขาจำได้แม่นภาพเด็กผู้หญิงหัวกระเซิง สวมแว่น หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่คนนั้นจะกลายมาเป็นผู้หญิงที่เขามองไม่วางตา ภูธนาเก็บอาการเล็กน้อยก่อนจะตีหน้าตายทำเป็นไม่เกิดอะไรขึ้น
"มาทำอะไรที่นี่"
"ก็มานั่งเล่นตามปกติของฉัน ฉันมาอ่านหนังสือ"หล่อนตอบแกมสะใจที่เห็นเขายังมีสีหน้าทึ่งๆ เขาคงเสียหน้ามากหล่อนรู้ดี แต่ภูธนาก็สามารถตีหน้าตายทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ครั้งแรก
"ใครอนุญาต" ภูธนาเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วและกลายเป็นภูธนาที่คอยแต่จะจับผิด เขาไม่ยอมให้หล่อนต่อกรเพียงฝ่ายเดียวเห็นแบบนี้คงต้องตอกกลับบ้าง "ที่นี่เป็นที่ที่ฉันกับบูรมานั่งกันเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องขอใคร" "ก็ใครจะไปรู้ คนนอกไว้ใจไม่ได้"เขายิ้มมุมปากสะใจนิดๆและกำลังหาเรื่องกวนหล่อนทุกวิถีทาง "อ้อ นี่เห็นกันเป็นคนนอก" หล่อนถลึงตามองชายหนุ่ม โธ่! ไอ้หน้าตาและนิสัยแย่ๆ เผด็จการแบบนี้ นี่นะจะมาดูแลไร่ชาญทิพย์ "ทำไมต้องร้อนตัวด้วยล่ะ หรือว่าเธอชอบมาก่อกวนที่นี่ อ้อ ก็เลยร้อนตัว" "ไม่ได้ทุกข์ร้อนสักหน่อย"อิงแก้วกอดอกเชิ่ดหน้าถึงแม้ในใจจะพลุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว "แต่ทีท่าแค่นี้ใครเห็นก็รู้ว่าร้อนตัว...แล้วทำไมต้องยอมรับเป็นคนนอกด้วย...แปลว่าเธอยอมรับ" "เอ๊ะ" "ทำไมครับคุณอิงแก้ว"ชายหนุ่มยังไม่เลิกลาส่งสายตายียวนให้หล่อนหัวใจ หญิงสาวกลั้นอารมณ์ไว้ไม่เสียแล้วเผลอปากออกมาจนได้ว่า "ไม่ทำไมหรอกเพียงแต่ว่า ฉันก็ไม่อยากจะให้ไร่ชาญทิพย์ที่สวยงามต้องแย่นะเพราะมีคนที่จะมาบริหารคนต่อไปเป็นคนเผด็จการมองโลกในแง่ร้าย แถมยังขี้เหล้าชอบโทรมาละลานชาวบ้านเค้าไปทั่ว มันหน้าขายขี้หน้า" ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ว่าแล้วเรื่องนี้ต้องมาเคลียร์สักหน่อย "อ้อ เจอกันก็ดีจะได้มาเคลียร์เรื่องนั้นสักหน่อย" "เรื่องอะไรฉันไม่เห็นรู้เรื่อง"เจ้าหล่อนเมินหน้าหนีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ภูธนาเดินวนมาสบตากับเจ้าหล่อนจนได้ "ก็เรื่องโทรศัพท์ไง" "ฉันไม่รู้อะไรสักหน่อย..." อิงแก้วไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีกและเขาก็พยายามเสียเหลือเกินที่จะรื้อฟื้น "ก็เรื่องที่พี่โทรเข้าเครื่องบูรแล้วเธอก็รับเมื่อวันก่อน" หญิงสาวทำท่าคิดก่อนจะปรอยตามองชายหนุ่ม รู้แล้วว่าจะสวนไปเช่นไร "ที่ ฉันจำได้นะ เมื่อวันก่อนมีไอ้ขี้เมาโรคจิตน่ะมันโทรสุ่มสี่สุ่มห้ามา กิริยามารยาทในการพูดต่ำทรามมาก...พี่ยังจะยอมรับอีกเหรอว่าเป็นพี่เอง" "นี่ยัยอิง" "มีอะไรหรือคะคุณภูธนา"อิงแก้วยักคิ้วข้างเดียวให้ ชายหนุ่มเห็นยิ่งประสาทเสียที่หล่อนปั่นสติของเขาให้กระเจิงสำเร็จ "นี่เธอ.."ภูธนาเถียงไม่ออก อิงแก้วฉีกยิ้มแกมเยาะก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมากอดในอ้อมแขน "ฉันไม่มีเวลาสนทนาหรือต่อกรหรอกนะ...พอดีฉันคุยกับคนบ้าไม่รู้เรื่อง ขอตัว" หล่อนตวัดตาใส่เขาก่อนจะเดินผละออกไปโดยไม่สนว่าภูธนาจะดิ้นพล่านเพียงไร ชายหนุ่มฉีกยิ้มมุมปากด้วยความเจ็บใจตัวเองที่โดนผู้หญิงตัวเล็กๆเอาคืนได้ขนาดนี้ หล่อนร้ายใช่ย่อยปากคะเลาะร้ายจนเขาประมาทไม่ได้เสียแล้ว
ติดตามตอนต่อไป |