"ซายูริ......"เสียงเรียกพร้อมกับปลายนิ้วที่แตะลงบนแผ่นหลังผ่านชุดกิโมโนทำให้ผู้ที่กำลังยืนเหม่ออยู่ต้องสะดุ้งวาบ เจ้าของมือปิดปากหัวเราะคิกคักอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกกับความขวัญอ่อนของเพื่อนสนิท
"มิกะนี่ มาเงียบๆ"หญิงสาวส่งสายตาดุๆไปให้แต่สาวสวยผู้มีนามว่ามิกะยักไหล่อย่างไม่สนใจแล้วเปลี่ยนมาเป็นต่อว่าเพื่อนแทน
"ใครว่าฉันมาเงียบๆ เดินลงส้นตึงตังออกอย่างนั้นแต่เธอไม่ได้ยินเองต่างหากเล่า ว่ายังไงมัวเหม่ออะไรอยู่ล่ะถึงได้สะดุ้งขนาดนั้น"
"ไม่มีอะไร"
"คิดถึงบ่นอีกล่ะสิ ฉันรู้หรอก กี่ปีแล้วนะที่เรามาอยู่ที่นี่พร้อมๆกัน สิบปีนานเหมือนกันนะแต่เวลากลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเราก็คงได้เป็นเกอิชาเต็มตัวแล้ว"อีกฝ่ายบอกขึ้นอย่างร่าเริงพลางขยับมวนผมที่ตลบพันขึ้นสูงปักด้วยปิ่นรูปใบพัดทางด้านซ้ายและปิ่นรูปปะการังทางด้านขวา
ในฐานะนางเกอิชาฝึกหัดหรือที่เรียกว่าไมโกะนั้นทรงผมของพวกเธอต้องอลังการไปด้วยเครื่องประดับ น้ำหนักรวมกันแล้วหลายกิโล
"ฉันยังไม่เห็นอยากเป็น"ซายูริเบ้หน้า
"แต่ฉันอยากเป็นมาก เบื่อเต็มทนแล้วกับการเป็นไมโกะที่ต้องคอยวิ่งรับใช้เกอิชารุ่นพี่งกๆ ถูกกลั่นแกล้งสารพัด ฝึกก็หนักยิ่งกว่าพวกทหารอีกแหนะ"
"นั่นสินะ การเป็นเกอิชามันก็จะทำให้เรามีชื่อเสียง ได้รับแขกและที่สำคัญเราก็จะได้มีเงินเยอะๆด้วย"ซายูริว่าเข้านั่น ลมหายใจเข้าออกเป็นเงินเป็นทองจนมิกะต้องมองค้อน
"จ้ะ......แม่คนหน้าเงิน วันเปิดตัวครั้งแรกที่จะเรียกค่าประมูลพรมจารีสักกี่ล้านเยนดีล่ะ สวยๆอย่างเธอคงมีผู้ชายมากมายที่อยากจะเป็นตันนะอุปถัมป์"มิกะเลื่อนมือเรียวจากการจัดทรงผมมาเชยคางซายูริขึ้นมอง ใบหน้านวลที่ปราศจากการลงแป้งขาวหนาเตอะช่างงดงามหมดจดจนน่าอิจฉา
"ฉันต้องเก็บเงินให้ได้เยอะๆนี่นา เธอก็รู้นี่ว่าฉันขายตัวเองมาเป็นเกอิชาที่นี่เพื่ออะไร"ซายูริไม่ยี่หระกับการกล่าวหาของมิกะหรือแม้แต่ใครๆ เพราะเธอนั้นเห็นแก่เงินอย่างที่ใครๆ เขาว่า แต่เธอก็ไม่เคยคดโกงใครเงินทุกเยนที่สะสมมาจากน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานทั้งนั้น
"รู้ดีเท่าๆ กับตัวเธอนั่นแหละ เพราะเธอเล่าให้ฉันฟังมาตั้งแต่ตอนอายุสิบเอ็ดปีนี่ก็ยี่สิบเอ็ดแล้วก็ยังเล่าให้ฟังอยู่เลย ฉันตะทวนให้ฟังแทนเอาไหมล่ะ"
"ไหนลองซิ"ซายูริย้อนถามยิ้มๆ
"แม่เธอชื่ออาโออิเป็นคนเผ่าฟามาลย์ หนีกลับไปเมืองทะเลทรายซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าประเทศอะไรพร้อมๆกับน้องชายชื่อทาเคอิ เธอมีแค่รูปถ่ายตอนเป็นเกอิชาของแม่ที่พอกแป้งขาวจนหนาเตอะจนดูไม่ออกว่าหน้าตาจริงๆเป็นยังไงที่ย่าให้เอาไว้ก่อนตายแต่เธอก็ยังจะออกตามหา อย่างนั้นใช่ไหม"
"เก่งนี่"หญิงสาวชูนิ้วโป้งให้
"เป็นฉันนะถ้าแม่ทิ้งฉันไปอย่างเธอล่ะก็ ฉันไม่มีวันตามหาให้ปวดใจเปล่าๆหรอก เขาทิ้งเราแสดงว่าเขาไม่ได้รักเราแล้ว"มิกะยักไหล่อีกครั้งอันเป็นสัญลักษณ์ของเธอไปเสียแล้ว กิริยานี้ติดเป็นนิสัยที่แก้ยาก ดังนั้นยามเมื่ออยู่ต่อหน้าโอคาซังหรือคุณแม่เจ้าของสำนักเกอิชาซายูริจึงต้องคอยหยิกเตือนอยู่บ่อยๆ
"แม่รักฉัน เพียงแต่แม่คงมีเหตุผลที่ต้องทิ้งฉันไป"ซายูริยืนยันถ้อยคำเดิม ไม่ว่าจะถูกใครห้ามปรามอย่างไร ความเชื่อของเธอก็ไม่มีใครขัดขวางได้
"จ้า...ฉันรู้ดี แม่คนหัวแข็งถ้าอย่างนั้นก็ไปดูชุดกิโมโนสวยๆที่คุณแม่ให้เอามาเลือกสำหรับให้เราใส่ในวันเปิดตัวของพวกเรากันเถอะ เธอจะได้ประมูลพรมจารีได้มากยังไงล่ะ"มิกะชวนแล้วกึ่งจูงกึ่งลากเพื่อนรักให้ออกไปจากห้องพักส่วนตัว
เมื่อไปถึงยังอีกห้องหนึ่งที่ถูกกั้นไว้ด้วยม่านบางๆสองสามชั้น บรรดาไมโกะคนอื่นๆที่อายุไล่เลี่ยกันและกำลังจะจบหลักสูตรเกอิชาเหมือนกันกำลังเลือกชุดกิโมโนของตัวเองอยู่อย่างตั้งใจ ชุดกิโมโนพวกนี้คาเนดะหรือคุณแม่ของพวกเธอสั่งตัดมาให้ทำจากไหมพันธุ์พิเศษคัดมาอย่างดี
ลวดลายของมันนั้นสวยงาม มีสีสันฉูดฉาด ตัวที่สาวๆ ให้ความสนใจมากที่สุดก็คือลายดอกซากุระบานและเลือกตัวที่มีสันสันสดใสแต่สำหรับซายูรินั้น หญิงสาวกลับหมายตากิโมโนแขนยาวสีดำสนิทมีเขียนลวดลายเป็นภาพต้นหลิวสีเขียวสลับขาวดูลึกลับ น่าพิศวง
ชุดกิโมโนพวกนี้ถือเป็นสิ่งล้ำค่าในชีวิตของเกอิชา ราคาค่างวดของมันแต่ละตัวนั้นสองถึงห้าพันดอลล่าห์และแน่นอนว่าโอคาซังอย่างคาเนดะผู้ที่มิกะแอบตั้งฉายาให้ว่าคุณแม่ทะเลนั้นไม่มีทางมอบให้ฟรีๆ ค่าตัวของพวกเธอในแต่ละคืนจะต้องถูกหักจนแทบจะไม่มีเหลือจนกว่าจะพอจ่ายค่าชุดหลังจากนั้นรายได้จึงจะพอเหลือเก็บ
"สวยจังเลยนะซายูริ ดูของฉันสิสีส้มสดลายดอกเมเปิ้ล แสบตาเชียว เวลาฉันใส่มันคงจะขับผิวให้สวยเด่นไม่แพ้ใครแน่ๆ"มิกะหยิบชัดสวยนั้นมาแนบอกด้วยสายตาชวนฝัน
ซายูรินั้นเพียงแค่ลูบๆคลำๆมันเท่านั้น ไม่ใช่ว่าชุดกิโมโนแสนสวยนั้นจะไม่ถูกใจเธอแต่เพราะราคาค่างวดของมันที่แสนจะแพงตามความงามของเนื้อผ้าไปด้วย นั่นต่างหากที่ทำให้เธอเสียดายเงินที่จะต้องถูกหักออกไป อีกกี่ปีกันล่ะถึงจะสามารถใช้หนี้ชุดกิโมโนนั้นได้
"เธอเป็นคนสวยมิกะ ไม่ว่าสวมชุดไหน สีอะไรเธอก็งามสง่า"ซายูริหยอดคำหวานทำให้มารีน สาวสวยลูกครึ่งญี่ปุ่นเยอรมันผู้มีดวงตาสีเขียวมรกต เธอเป็นไมโกะรุ่นเดียวกับซายูริตั้งหยักริมฝีปากขึ้นอย่างเยาะหยันพร้อมกับหันไปพูดกับเพื่อนในกลุ่มของเธอแต่ปรายตามามองทั้งสองเป็นระยะ
"น่าเบื่อไอ้พวกบ้ายอนะเธอ รู้ว่าเขายอยังทำหน้าระรื่น หน้าตารึก็เหมือนกับลูกเป็ดที่เจ้าของไม่อยากเลี้ยงให้โตมากพอที่จะทำเป็ดปักกิ่งได้ ยังจะเชื่อคำชม"
"นั่นสินะ ฉันได้ยินแล้วยังอยากจะอ้วก"สาวสวยที่อยู่เคียงข้างมารีนเอ่ยขึ้นตามหลัง ตามติดมาด้วยอีกคนหนึ่งที่ป้องปากหัวเราะลอยมาตามหลัง มิกะหน้าตึงถึงพวกนั้นจะไม่เจาะจงว่าเป็นใครแต่สายตาที่มองมา ดูปราดเดียวก็รู้ว่าแม่พวกนั้หมายถึงใคร
"พวกเจ้าว่าใคร"มิกะวางชุดสวยลงแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างเอาเรื่อง ซายูริยื่นมือมาฉุดรั้งแขนของเพื่อนรักที่กำลังมีโทสะพร้อมเอื้อมหน้าไปกระซิบ
"อย่ามีเรื่องเลยมิกะ ใกล้จะถึงงานเปิดตัวแล้ว ถ้าเรามีเรื่องกับพวกมันเราสองคนจะต้องถูกลงโทษไม่ให้ร่วมงานในวันนั้นด้วย ทางที่ดีเราสงบปากสงบคำเอาไว้ก่อนดีกว่า"
"กระซิบกระซาบอะไรกัน แน่จริงบอกให้พวกเราได้ยินสิ ว่าอย่างไรเล่าแม่คนงาม คนเด่น เตรียมตัวปรนเปรอแขกไปถึงไหนแล้ว"มารีนยังไม่หยุดยั่วเย้า
จงใจหาเรื่องเพื่อให้ซายูริกับมิกะที่เธอแสนจะเกลียดชังเพราะความสวยของทั้งสองนั้นมีไม่น้อยไปกว่าเธอ ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดก็คือตัดไฟแต่ต้นลม ให้สองคนนั่นถูกลงโทษจนไม่ได้ไปร่วมงานแล้วเวลานั้นคนที่สวยและเด่นที่สุดก็จะเป็นเธอ ทาเมอิ มารีน.......
"มันจะมากไปแล้วนะมารีน เราสองคนขายศิลปะของการเป็นเกอิชา ไม่มีวันที่จะขายพรมจารีให้กับชายที่มิได้ยินดี อย่ามาเหมารวมว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัว"ซายูริโพล่งขึ้นอย่างเหลืออดทั้งที่เมื่อครู่นี้เธอเองเป็นคนเอ่ยเตือนสติมิกะแต่คราวนี้กลับตบะแตกเสียเอง
"โอ้ย.....บอกไปใครเขาจะเชือ โดยเฉพาะคนเห็นแก่เงินอย่างเจ้า เงินแค่เยนเดียวตกยังต้องรีบคลานเข้าไปเก็บ"มารีนทวนความหลัง
"ฉันไม่คิดจะขายตัว"ซายูริเน้นเสียงรอดไรฟัน มือเรียวยาวกำแน่นอย่างพยายามควบคุมโทสะที่แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
"จ้าแม่คนรักศักดิ์ศรี แม่ของเจ้าเองก็เคยเป็นเกอิชาที่นี่มาก่อนไม่ใช่หรือ ได้ข่าวว่าท้องกับตันนะ แต่ก็ไม่รู้นะว่าตันนะคนนั้นจะเป็นพ่อของเจ้าจริงๆหรึเปล่า แม่ของเจ้าเองก็ประกาศว่าจะไม่ยอมขายพรมจารีให้กับใครมิใช่หรือ แล้วทำไมมีเจ้าออกมาซะล่ะ"มารีนเย้ยหยัน
ความงามที่เลื่องชื่อของอาโออิในสมัยนั้นเป็นที่กล่าวขาน ยามเมื่อครูฝึกจะยกตัวอย่างรุ่นพี่เกอิชาให้ฟัง ชื่อของอาโออิมักจะเป็นคนแรกเสมอ
"แม่กับพ่อรักกัน แม่มอบพรมจารีให้ตันนะด้วยความรัก ไม่ใช่เพราะขาย"ซายูริตัวสั่น อารมณ์ที่กักเก็บเอาไว้จวนเจียนจะระเบิด
"เอาหลักฐานอะไรมายืนยันล่ะ ในคืนวันประมูลพรมจารีมีคุณชายตระกูลดังมาประมูลแม่ของเจ้าถึงคืนล่ะล้านเยนมีหรือนางจะปฏิเสธ"
"ดูเหมือนเจ้าจะรู้รายละเอียดดีซะอย่างกะว่าแม่ของเจ้าก็อยู่ในนั้นด้วยเสียอีกนะ นังลูกครึ่ง เชอะ.....ทำมาเป็นพูดดี ความจริงแล้ว แม่ของเจ้าก็คงจะเป็นแค่พวกโออิรันขายตัว ที่ถูกซื้อไปเป็นเมียเช่าของพวกแขกเยอรมันล่ะสิ หน้าตาของเจ้ามันถึงได้ออกมาทุเรศอย่างนี้"มิกะชี้หน้าท้าทาย สวนขึ้นทันควันเล่นเอาสาวสวยหัวโจกของการท้าดวลคารมครั้งนี้ต้องกรี๊ดลั่น
"กรี๊ด.....นังมิกะแกกล้าว่าฉันเหรอ"มารีนกระทืบเท้าอย่างโกรธแค้น
"ต๊าย......นี่เธอเพิ่งจะรู้ตัวหรือไงยะว่าฉันว่าน่ะ"
"ตบมันเลยมารีน เอามันให้ตายคามือโดยเฉพาะนังซายูริหน้าหวานนี่"เพื่อนสาวในกลุ่มของมารีนยุขึ้น มารีนตัวสั่นด้วยความโกรธโดยเฉพาะกับประโยคต่อมาของซายูริที่ร้องบอกด้วยสีหน้าท้าทาย
"ฉันก็มีมือสองข้างเท่ากับเธอ แถมยังเป็นมือที่เคยทำงานหนักมาก่อนเสียด้วย ดูซิว่าใครมีนจะแน่กว่ากัน"เสียงเย้ยหยันนั้นทำให้อารมณ์ของมารีนพลุ้งพล่านหนักขึ้นก่อนจะกระโดดเข้าใส่ซายูริอย่างลืมตัว ลืมไปว่าตัวเองนั้นอาจจะโดนโทษทัณฑ์หนักจนถึงขั้นไม่อนุญาตให้ร่วมในงานเปิดตัว
"นี่แหนะ....."มารีนฟาดฝ่ามือไปบนใบหน้าของซายูริฉาดใหญ่ เนจังเพื่อนของมารีนผู้เป็นลูกมือคอยยุถลาเข้าขวางเมื่อเห็นว่ามิกะกำลังจะตรงเข้าช่วยซายูริ
"เจ้าเป็นคนแรกที่ตบฉัน มารีน แล้วจะรู้ว่าคนอย่างฉันไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างใครง่ายๆ"ซายูริคำรามก่อนจะผลักร่างงามนั้นกระเด็นผึงไปกองกับพื้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องของคนอื่นๆ
ซายูริประเคนฝ่ามือไม่ยั้งไปบนหน้าของคู่ซ้อมจนใบหน้านั้นบวมเป่ง เช่นเดียวกับมิกะที่สั่งสอนแม่คนช่างยุอย่างเนจังซะสะบักสะบอมพอๆกัน
"สมน้ำหน้า ทีหลังอย่าลองดีกับพวกฉันอีก"มิกะถอยห่างออกมายืนมองผลงานของตัวเองด้วยความพอใจพลางหันไปสบตากับซายูริแล้วยักคิ้วให้
"มารีน หน้าเธอบวมเป่งเลย"เนจังหันมามองเพื่อนสนิทพร้อมอุทานขึ้น
"หน้าเธอก็เหมือนกัน ปากแตกอย่างนั้น เราจะเปิดตัวยังไง"มารีนวิ่งไปหยิบคันฉ่องที่วางอยู่ใกล้ๆนั้นขึ้นมาส่องหน้าตัวเองทันที เนจังรีบแย่งมาดูบ้างและหลังจากนั้นสองสาวก็กรีดร้องลั่นขึ้นพร้อมกัน ซายูริรีบยกมือขึ้นปิดหู ส่วนมิกะนั้นยืนหัวเราะด้วยความสะใจ
"แก.......แกทำให้ฉันไม่ได้ไปร่วมงานนี้"มารีนร้องลั่น ตามมาด้วยคำหยาบคายมากมาย มือไม้คว้าชุดกิโมโรที่อยู่ใกล้มือปาใส่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง
"เอะอะอะไรกัน!"เสียงกร้าว ทรงอำนาจของคาเนดะดังขึ้นทำให้ความวุ่นวายทั้งหมดหยุดชะงักราวกับถูกตัดขาดด้วยกรรไกรอันแหลมคม
สาวๆทุกคนคุกเข่าหมอบลงกับพื้นด้วยความหวั่นเกรง รวมทั้งสี่สาวผู้ก่อคดีวิวาทร่วมกันมาด้วย นางผู้เป็นโอคาซังตวัดสายตาคมๆของเธอแลกวาดไปทั่วก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ใบหน้ายับเยินของมารีนกับเนจัง นางสาวเท้าไปใกล้แล้วใช้มือเรียวนั้นเชยคางมารีนขึ้น
"ยับเยินอย่างนี้ อย่าหวังว่าจะได้ไปร่วมงาน"คำบอกนั้นทำเอาน้ำตาของสองสาวร่วงเผาะ การพลาดโอกาสในการไปร่วมงานครั้งนี้ก็เท่ากับว่าเธอสองคนจะไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเกอิชาเต็มตัวในปีนี้
"แต่ที่หน้าฉันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะนังสองคนนั่นนะคะ มันตบฉัน"มารีนชี้มือไปทางซายูริเป็นเชิงฟ้อง ทั้งแค้นใจจนแทบอยากจะบีบลำคอระหงนั้นให้แหลกคามือ สองสาวมือตบได้แต่ก้มหน้านิ่งเมื่อดวงตาแหลมคมของโอคาซังจับจ้องมายังเธอทั้งสองพร้อมกับบอกเสียงกร้าว
"เจ้าสองคนก็เหมือนกัน โทษของการทะเลาะวิวาทก็คือการต้องทนอยู่ในตำแหน่งไมโกะต่อไปจนกว่าจะถึงปีหน้า"ประกาศิตนั้นดังก้อง ซายูริลำคอตีบตัน
ความใฝ่ฝันที่จะได้เป็นเกอิชาเต็มตัวของเธอจบสิ้นแล้ว นั่นหมายถึงเป้าหมายที่จะเก็บเงินเพื่อออกไปตามหาแม่นั้นต้องเลื่อนออกไปอีกด้วย
"แต่มารีนมาหาเรื่องเราก่อนนะคะคุณแม่"มิกะโพล่งขึ้น อย่างไม่ยอมแพ้ เธอกับซายูริเป็นคนถูกหาเรื่องก่อนแท้ๆ การตัดสินแบบนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
"ไม่จริงค่ะ"มารีนแย้งขึ้น
"พวกเจ้าทั้งหมดอยู่ในเหตุการณ์นี้ ไหนบอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น"คาเดนะหันไปถามคนอื่นๆที่ร่วมรู้เห็นในเหตุการณ์ แต่ทุกคนก็ก้มหน้างุดไม่กล้าพูดความจริงเพราะกลัวความร้ายกาจของมารีน
"ว่ายังไง ตกลงพวกเจ้าเห็นว่าใครเป็นคนหาเรื่องใครก่อน"
"ไม่ทันฟังค่ะ"ใครคนหนึ่งที่ดูจะใจกล้าที่สุดเงยหน้าขึ้นตอบ
"พวกเจ้า!"มิกะกำมือแน่นอย่างแค้นใจ ขยับจะเอาเรื่องแต่ซายูริรีบฉุดแขนเอาไว้พลางส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม เพียงแค่คดีเดียวเธอเองก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดีแล้ว
"เห็นไหมคะ ว่ามันสองคนร้ายกาจแค่ไหน"มารีนว่าขึ้น
"ถ้าอย่างนั้น เธอสองคนซายูริ มิกะ จะต้องถูกลงโทษตามกฎ ต้องถูกกักบริเวณสามวันแล้วไม่ได้รับอนุญาตให้ไปร่วมงาน ส่วนเจ้ามารีนกับเนจังถ้าหายทันก็ไปร่วมงานได้แต่ถ้าหน้าเจ้ายังบวมเป่งอยู่ล่ะก็ห้ามเด็ดขาด ฉันไม่อยากขายขี้หน้า สำนักเกอิชาที่นี่มีชื่อเสียงที่สุด"นางคาเนดะตัดสินความแล้วเดินนวยนาดออกไป ทิ้งให้ซายูริกับมิกะต้องโผเข้ากอดกันร่ำไห้ด้วยความเสียใจ
ชีวิตของไมโกะ อะไรมันจะสำคัญมากไปกว่าการได้เป็นเกอิชา
คาเนดะเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าพิณตัวโปรด ก่อนจะยกมือเรียวของตัวเองขึ้นดีดเป็นทำนองอันไพเราะเพราะพริ้ง เธอเป็นโอคาซังแห่งนี้เพื่อสืบสานกิจการของครอบครัวต่อ ปีนี้เธออายุได้สี่สิบห้าพอดีแต่ความงามที่ได้รับการปรุงแต่งด้วยเครื่องประทินโฉมราคาแพงนั้นมีส่วนช่วยหึความงามนั้นยังคงอยู่
นางถอนหายใจยาวอย่างกลัดกลุ้ม วางมือที่เล่นพิณอยู่อย่างไร้อารมณ์ที่จะเล่นมันต่อได้ นึกไปถึงงานเปิดตัวเกอิชารุ่นใหม่ที่จะมีขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าด้วยความเสียดาย
อันที่จริงแล้ว ซายูริกับมิกะถือว่ามีความงามและพรสวรรค์ในการแสดงต่างๆ มากกว่าคนอื่นๆ เธอเองก็คาดหวังว่าจะได้เปิดตัวดอกหลิวล้ำค่าประจำสำนักเธออย่างซายูริ
เด็กคนนี้มีพรสวรรค์นอกจากความงามที่มากล้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการร่ายรำ การดนตรีหรือแม้แต่วิธีการเอาอกเอาใจลูกค้าเธอก็ทำได้ยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่มาทำความผิดเข้าอย่างนี้ เธอเองเป็นโอคาซังของที่นี่ก็ต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นก็จะปกครองคนอื่นๆ ไม่ได้
คาเนดะทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ความคึกคักมาเยือน เมื่อถึงเวลาค่ำคืน โคมไฟหลากสีถูกจุดไปทั่วทางเข้า เนื่องจากย่านนี้เป็นย่านการค้าที่คึกคักมากในโตเกียว โดยเพราะถนนสายนี้ มีสำนักเกอิชาเปิดขึ้นถึงสามแห่ง ต่างแข่งขันกันในทุกด้านแต่สำนักของเธอถือว่าใหญ่และดังที่สุดในย่านนี้
ภาระอันแสนจะหนักอึ้งที่จะต้องพาธุรกิจที่ได้รับการตกทอดของครอบครัวไปให้รอด เมื่อยี่สิบปีก่อนแม่ของเธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อก่อตั้งมันขึ้นมา
ในยุคนั้นเกอิชาเลื่องชื่อที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นอาโออิ ดอกไม้งามแห่งท้องทะเลทรายอันไกลโพ้นที่แม่ของเธอบังเอิญได้ตัวมาเมื่อครั้งไปหัดวิชากามสูตรจากหญิงสาวเผ่ามายาที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในเพศรสและวิธีการมูกมัดใจชาย
อาโออินั้นเป็นชื่อภาษาญี่ปุ่นที่แม่ของเธอตั้งให้ หญิงสาวผู้นั้นถูกขายเพราะความยากจนของครอบครัว ดวงตาสีดำสนิทกลมโต จมูกโด่งพองาม ริมฝีปากบางจิ้มลิ้ม ทุกสัดส่วนของใบหน้าล้วนสอดรับกันอย่างลงตัว เช่นเดียวกับซายูริไม่มีผิด
อาโออิกับเธออายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นไมโกะฝึกหัดมาพร้อมๆ กัน รู้เห็นความเป็นไปของอาโออิดี เพราะว่าเธอกับสาวงามผู้นั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน
คาเนดะเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าอีกสิบปีต่อมาลูกสาวของเพื่อนรักผู้หายสาวสูญไปพร้อมๆกับลูกชายจะเดินเท้าเปล่า เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ตากหิมะอันหนาวเหน็บมาพบเธอถึงหน้าสำนัก สภาพของเด็กหญิงในวันนั้นน่าสมเพชเวทนานัก
"เจ้าเป็นใครกัน จู่ๆมาเคาะประตูรียกข้า แล้วพ่อแม่ไปไหน ปล่อยให้ตากหิมะมาแบบนี้ได้ยังไงกัน"คาเดนะในวัยสาบสิบห้าปีร้องถามพลางกวาดสายตามองหาผู้ปกครองของซายูริ
"หนูมาสมัครเป็นเกอิชาค่ะ"เด็กหญิงตอบฉะฉาน แม้ว่าจะอยู่ในสภาพตัวซีด ปากสั่น แต่แววตานั้นบ่งบอกถึงมุ่งมั่นของมันได้เป็นอย่างดี
"ใครพามาล่ะ"
"หนูมาคนเดียว"เด็กหญิงบอกขึ้น เธอเดินทางมาจากบ้านในชนบทด้วยรถประจำทางเท่าที่เงินเก็บอันน้อยนิดจะพาตัวเองมาได้ มาตามทิศทางที่ผู้เป็นย่าบอกเอาไว้ก่อนตายว่าแม่ของเธอนั้นในอดีตเคยทำงานอยู่ที่นี่ เป็นเกอิชาเลื่องชื่อที่เกอิชาทุกคนในยุคนั้นในโตเกียวจะต้องรู้จัก
เมื่อเงินหมดแต่ความมุ่งมั่นยังไม่หมดไปด้วย เด็กหญิงซายูริ ริเอะเดินถามทางคนที่ผ่านไปมาเรื่อยๆท่ามกลางหิมะตกตลอดวันจนมาถึงที่นี่
"มาได้ยังไง เดินเท้าเปล่ามานี่น่ะหรือ"นางคาเนดะอุทานลั่นก่อนจะร้องบอกให้เด็กในสังกัดคนหนึ่งซึ่งก็คือมิกะเอาร่มออกมากางรับเด็กหญิงเข้าไปพักข้างใน
"ขอบคุณ"ซายูริบอกขึ้นเมื่อเด็กหญิงมิกะถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกคลุมให้พร้อมกับรีบเดินไปรินชาร้อนๆใส่ในถ้วยเคลือบออกมายื่นให้
ซายูริรับมาถือไว้ในอุ้งมือ ถูไปมาให้ความร้อนนั้นแทรกซึมเข้าสู่ปลายมือเย็นเฉียบของตัวเองจนมันอุ่นได้ที่จึงเงยหน้าขึ้นมองคาเนดะพร้อมกับคุกเข่าลง
"ได้โปรดรับหนูไว้ที่นี่ด้วยนะคะ"เด็กหญิงโขกศีรษะตัวเองแรงๆ ลงกับพื้นแทนการคำนับ คาเนดะรีบห้ามเมื่อเห็นว่าศีรษะของเด็กหญิงเริ่มบวมโน
"ทำไมเธออยากเป็นเกอิชานักฮึ......"นางผู้เป็นเจ้าของเกอิชาก้มหน้าลงถามด้วยความแปลกใจ กับแววตามุ่งมั่นของเด็กหญิง
"หนูไม่มีใคร ย่าเพิ่งตายไป ในชีวิตก็มีแต่ย่ากับแม่ที่ทิ้งหนูไป หนูอยากทำงานที่นี่เพื่อเก็บเงินออกไปตามหาแม่ค่ะ"ซายูริเงยหน้าขึ้นตอบทั้งน้ำตา คิดถึงเสาหลักในชีวิตอย่างนางมิยาอิขึ้นมาทีไร หัวใจของเด็กหญิงก็เหี่ยวเฉาลงทันที
"จะไปตามหาที่ไหนล่ะ แม่ของหนูอยู่ที่ไหน"
"แม่เป็นคนเผ่าฟามาลย์ค่ะ อยู่ที่ประเทศอะไรหนูเองก็ยังไม่ทราบแต่ย่าเคยบอกว่าแม่เคยทำงานที่นี่ อาโออิค่ะ ท่านน้ารู้จักไหมคะ"ซายูริตอบตาแป๋วทำให้นางคาเนดะถึงกับยืนอึ้ง เซถลาไปเสียหลายก้าวก่อนจะตั้งสติได้แล้วจับจ้องมองใบหน้าของซายูริเขม็ง
"ลูกสาวของอาโออิหรอกหรือนี่"นางครางอย่างคาดไม่ถึง อาโออินั้นเป็นสาวงามที่เลื่องชื่อ มีค่าตัวสูงที่สุดในยุคนั้น มีผู้ประมูลพรมจารีให้สูงกว่าหญิงคนไหนจะได้รับแต่เจ้าตัวก็ไม่ยินยอมพร้อมใจ
ความสนิทสนมกันทำให้เธอพอจะทราบว่าสาวงามจากเผ่าทะเลทรายคนนี้มีคนรักอยู่แล้วและสาวน้อยอาโออิก็ตั้งใจว่าจะเก็บเงินให้มากที่สุดแล้วกลับไปอยู่กับคนรักของเธอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลังจากนั้นไม่นานอาโออิก็ตั้งท้องกับชายที่มาติดพันคนหนึ่ง
ทุกคนนั้นแทบไม่อยากเชื่อเพราะทาเคชินั้นเป็นผู้ชายในอันดับสุดท้ายที่สาวงามเลื่องชื่ออย่างอาโออิจะเลืองชายตามอง
"หนูคิดถึงแม่ คุณน้ารู้จักแม่ของหนูใช่ไหมคะ พอจะทราบไหมว่าเผ่าฟามาลย์นั่นอยู่ที่ไหน"ซายูริวางถ้อยในมือลงหันมาเขย่ามืออีกฝ่ายแรงๆ อย่างน้อยการมาที่นี่ของเธอก็ไม่เสียเปล่า เพราะดูเหมือนเธอผู้เป็นเจ้าของสำนักเกอิชาจะรู้จักแม่ของเธอดี
"เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย ปากเจ้าเขียวหมดแล้ว เดี๋ยวจะมาตายที่นี่เปล่าๆ มิกะพานางไปพักที่ห้องของเจ้า วันนี้ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอกแล้วกลับมาค่อยคุยกัน"คาเนดะบอกจบก็หมุนตัวออกไปท่ามกลางสายตาละห้อยของซายูริ
เพราะอะไรกันนะ ดูเหมือนว่าแต่ละคนที่รู้จักแม่ของเธอ มักจะบ่ายเบี่ยงไม่อยากเล่าความหลังของแม่ให้เธอฟัง
"ไปเถอะ"มิกะ เด็กหญิงผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าสะสวยแตะแขนเธอเบาๆพร้อมกับดุนหลังที่ทำท่าอ้อยอิ่งนั้นให้ลุกขึ้นพลางกวาดสายตาหาอะไรบางอย่าง
"อะไรหรือ"
"กระเป๋าเสื้อผ้าของเธอล่ะ ไม่เอามาด้วยหรือ"
"มี.....แต่ว่าในระหว่างทางถูกพวกจรจัดแย่งเอาไปหมด เหลือแค่ชุดนี้ชุดเดียว ส่วนรองเท้าของฉัน มันขาดตอนที่เดินมานี่"ซายูริก้มลงมองเท้าเปลือยเปล่าของตัวเองที่เริ่มจะบวม แดง เพราะถูกความเย็นจัดของน้ำแข็งกัดกร่อน
"โอ......เท้าเธอ"มิกะตาโต ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกใจ แล้วเธอก็รีบนำเอาผ้าหลายผืนที่มีอยู่ในห้องมาห่อหุ้มขาของซายูริเอาไว้ให้
"ขอบคุณมาก"ซายูริน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง นอกจากคุณย่ามิยากิแล้ว ไม่เคยมีใครแสดงกิริยาอ่อนโยนอย่างนี้กับเธอมาก่อน
"ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันชื่อมิกะ เพิ่งมาอยู่ที่นี่เดือนแรกเหมือนกัน"
"ฉันชื่อซายูริ ริเอะ ฉันจะต้องเป็นเกอิชาของที่นี่ให้ได้ ถ้าเขาไม่รับฉัน ฉันจะฆ่าตัวตาย"ซายูริบอกขึ้นด้วยท่าทางเอาจริงจนมิกะตกใจ
"อะไรกัน"
"ฉันไม่มีทางเลือกแล้ว เธอจะให้ฉันไปไหนได้ล่ะ ในสภาพนี้"ซายูริก้มลงมองเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งของตัวเอง และเท้าเปลือยเปล่า มิกะยิ้มแหยๆ หากเป็นเธอต้องเจอกับสภาพอย่างนั้นก็คงต้องยอมขายตัวเอง เพื่อแลกกับการมีชีวิตรอดต่อไปในสังคมเห็นแก่ตัวอย่างปัจจุบันนี้
ความคิดล่องลอยของคาเนดะจบลง เมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น สาวใช้สองคนเดินเข้ามาบอกกับเธอว่ามีพ่อแม่ยากจนคู่หนึ่งจะเอาเด็กผู้หญิงมาขายให้ เหมือนเป็นวัฎจักร เมื่อไมโกะกำลังจะเลื่อนขั้นได้เป็นเกอิชา ก็จะมีเด็กผู้หญิงคนใหม่เข้ามาแทนที่