สำนักพิมพ์ ปัณณ์รัก : มอบหัวใจให้คุณ

 
 
 
 
 
Started by Topic:    บุพเพคะเนสรร (ตอน 1) up ใหม่ค่ะ  (Read: 856 times - Reply: 0 comments)
 
Allways

Posts: 9 topics
Joined: 24/4/2553

บุพเพคะเนสรร (ตอน 1) up ใหม่ค่ะ
« Thread Started on 27/5/2553 6:45:00 IP : 110.164.202.27 »
 
 

ตอนที่ 1  (ทางสายใหม่)

"นัท นัท"

หญิงสาวร่างอวบขาวในชุดสูทกระโปรงเหนือเข่าสีน้ำเงินกรมท่า หันซ้ายแลขวาหาใครบางคนอย่างรีบร้อน พลันชะงักฝีเท้าเพื่อพักหายใจ  

"เหนื่อยแล้วนะเนี่ย อยู่ไหนของเขานะ" แม้ขาจะหยุดแต่สายตายังคงดำเนินหน้าที่ต่อเนื่อง

การหาใครสักคนในสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงติดอันดับแห่งนี้ คงทำได้ยากสักหน่อยถ้าคนๆ นั้นคือ ‘ผู้จัดการทั่วไป' ของสถาบัน เพราะ ‘นาตาลี' เธอมีนิสัย ‘อยู่ไม่ติดที่' มุงานหนักจนจัดได้ว่าเป็น ‘โรคบ้างาน' ขึ้นสมอง ประกอบกับสถาบันนี้มีเนื้อที่ราว 3 ไร่เศษ จึงมากพอจะตกแต่งเป็นสวนดอกไม้ที่มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาครึ้มตลอดทางเดินทางด้านหน้า ด้านหลังถูกแบ่งพื้นที่ทำเรือนเพาะชำขนาดย่อมสำหรับแต่งเติมสวนด้านหน้า และบางส่วนเป็นที่พักคนงาน

จึงต้องเหนื่อยเป็นพิเศษ!

คนหอบแฮกมีความหวังขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเหลือบไปเห็นลุงคนสวน

"เห็นคุณนัทไหมจ๊ะ" แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงหนึ่งก็สวนขึ้น

                "อยู่นี่ มีอะไรหยาด" 

                คนฟังราวได้ยินเสียงจากสรวงสวรรค์ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ส่วนคนที่โผล่มาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ แม้จะดูมอมแมมไปบ้าง แต่ไม่อาจปิดผิวขาวเนียนน่ามองได้มิด มือเรียวกำเสียมอันเล็กและกรรไกรตัดกิ่งไม้ค้างเติ่งรอฟัง

                "คณะกองถ่ายมากันแล้วนะ พวกดารามากันเพียบเลย ทั้งพระเอก นางเอก ตัวอิจฉา และที่เด็ดสุดๆ คือพระเอกเรื่องนี้น่ะ หล่อม๊าก~~มาก" คนฟังมิได้ตื่นเต้นตามสักนิด กลับก้มลงทำงานต่อ

                "ฉันรู้แล้ว ละครเรื่องดอกหญ้ากับทุ่งกุลาร้องไห้นั่นใช่ไหม" หยาดฟ้าเท้าเอวฉับ

                "บ้า! ดอกหญ้ากับทุ่งหรรษาต่างหาก"

                "อ๋อเหรอ ฮืม!..."

                "แล้วจะมัวช้าอยู่ทำไมล่ะ รีบไปเร็ว"

"พี่ยุทธก็อยู่ทั้งคนแล้วนี่ ฉันไม่ต้องไปก็ได้"

"พี่ยุทธก็ส่วนพี่ยุทธซิ เธอเป็นผู้จัดการไม่ใช่เหรอ หน้าที่หลักเลยนะ" นาตาลีเท้าเอวฉับบ้าง เพิ่งรู้ว่าเพื่อนรักจอมตื้อคนนี้บัญญัติหน้าที่ต้อนรับคณะกองถ่ายที่ขอใช้สถานที่ถ่ายทำละคร ‘เป็นหน้าที่หลัก' ของเธอไปเสียแล้ว

"งั้นในฐานะผู้จัดการ ฉันขอสั่งให้เธอกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้" หยาดฟ้าย่นหน้า ไม่ละความพยายาม

"โธ่! นัท ไปดูหน่อยเถอะ นะ นะ"

"ไม่" คนตื้อไม่เลิกต้องงัดไม้ตายมาใช้

"งั้นในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก สนิทกันม๊ากมากจนรายการแฟนพันธุ์แท้ยังเรียกพี่ ฉันขอให้เธอไปกับฉันเดี๋ยวนี้" นาตาลีเหล่มองอย่างรู้ทัน ที่ถูกรบเร้าเหยงๆ อยู่เนี่ยคงเพราะโรคบ้าดาราของเจ้าหล่อนกำเริบนั่นแหละ

หยาดฟ้ายิ้มกริ่ม

"ขอบใจนะจ๊ะเพื่อนรัก"

นั่น! เออออเองอีกต่างหาก

แต่จะตามใจมากก็กระไรอยู่ นาตาลีทำเฉไฉดูเวลาที่ข้อมือ แล้วเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ

"นี่ ‘เจน' ยังไม่มาอีกเหรอ จะเก้าโมงแล้วนะ สายบ่อยๆ แบบนี้เดี๋ยวก็หักเงินเดือนเลยหนิ" 

"นั่นน่ะสิ จะเก้าโมงแล้ว จอนนี่ยังไม่มาเลย เขารอแต่พระเอกนี่แหละ" นาตาลีถอนใจเฮือกยาว เพื่อนรักเล่นผนวกเรื่องเข้าให้แล้ว

"ฉันพูดถึงเจน ไม่ใช่พ่อจอนนี่นั่นสักหน่อย อีกอย่างไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฝ่ายบัญชีอย่างเธอเลย ปล่อยให้ทางประชาสัมพันธ์เขาโน่น ไป! ไปทำงาน" หยาดฟ้าหน้าคว่ำทันตาเห็น

"โธ่! ก็เพราะรู้ว่าไม่เกี่ยวเลยมาอาศัยบารมีเธอไง จะได้ไม่มีใครกล้าว่าว่าฉันอู้งาน นิดๆ หน่อยๆ แค่ดูดาราก็ไม่ได้ ใครๆ เขาก็ชอบกันทั้งนั้น"  

"สองโธ่สามโธ่จริงนะ ใครๆ ชอบน่ะมันก็จริง แต่เลือกชอบเป็นบางคนก็พอ นี่อะไรเล่นเหมาหมดทุกคนเลย เดี๋ยวเป็นบ้าตายหรอก"

"ใช่!" เจนจิราจอมสายโผล่มาสนับสนุนเสียงลั่น หยาดฟ้ารีบปรี่มาแซว

"อายุยืนจัง กำลังนินทาพอดี" 

"ถึงว่าคันจมูกชอบกล จ้อถึงฉันกันแต่เช้านี่เอง แม่คนบ้าดาราแบบจับฉ่าย ว่าแต่ผู้จัดการจะอนุญาตให้ไปดูหรือเปล่าเนี่ย" 

นาตาลีพาลอ่อนใจ จะว่าไปแล้วก็พอกันทั้งคู่นั่นล่ะ เธอหันไปเก็บอุปกรณ์ทำสวนก่อนเอ่ยติง

"ฉันจะอนุญาตหรือไม่ พวกเธอก็ไปดูกันอยู่ดี แล้วมาเสียเวลาขอฉันทำไม" พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นใครแล้ว

ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน

"เดี๋ยวลุงจัดการต่อให้นัทด้วยนะ" เธอยื่นอุปกรณ์ส่งให้ลุงคนงานที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ไม่ห่าง แล้วปัดเศษผงเศษดินตามเสื้อผ้า

"จะไปดูดาราเหมือนกันหรือครับคุณนัท" มือค้างทันใด

"ลุงแซม !!!..." ลุงแกยิ้มร่ารับเสียอย่างนั้น

สถาบันแห่งนี้ได้รับการติดต่อขอใช้สถานที่ถ่ายทำละครตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน ซึ่ง ‘ยงยุทธ' เจ้าของสถาบัน พี่ชายต่างมารดาของนาตาลี ตอบรับด้วยความยินดี ‘เธอ' ในฐานะผู้จัดการทั่วไป จึงตกกระไดพลอยโจนต้องคอยอำนวยความสะดวกไปโดยปริยาย

"นัท นัท ทางนี้" ยงยุทธส่งเสียงเมื่อเห็นน้องสาวคนเก่งเดินมาแต่ไกล แนะนำกันเสร็จสรรพเสียงแหลมปี๊ดของผู้ช่วยผู้กำกับก็ดังขึ้น

"ต๊าย! ตาย น้องสาวคุณยุทธสวยกว่านางเอกของดั้นอีกนะฮ้าเนี่ย" พลันกรีดนิ้วเรียงสวยแนบปาก(เสีย)แน่น แล้วเหล่ซ้ายขวาอย่างเพิ่งรู้ว่าลืมตัว

โชคดีที่คนถูกลดความสวยให้เป็นรองไม่ได้ยิน

เพราะในละครพวกหล่อนคือนางเอก แต่ชีวิตจริงน่ะเหรอ...ฮืม! 

นาตาลีทำหน้าเบ้พร้อมรัวมือยิก "อย่าเปรียบเทียบอย่างนั้นเลยค่ะ คนละอาชีพกัน"

ร้อนถึงผู้กำกับผิวเข้มต้องชี้แจง "เขาเป็นโรคตาถึงเฉพาะคนสวยๆ น่ะ ลองการันตีแบบนี้แสดงว่าจริง" คนถูกชมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คนเป็นพี่ชายนี่สิ...ยิ้มแก้มแทบปริ

"ก็มันจริงนะฮ้า มิได้เยินยอหรือล้อเล่นแต่อย่างใด นี่ขนาดไม่ได้แต่งหน้านะยังดูดีเลย ถ้าได้ลงแป้งอีกนิด ลิปสติกอีกหน่อย เลิศ!...ฮ้า...ขอบอก สนใจมาเป็นนางเอกให้ดั้นไหมล่ะ"

นั่น! เอาแล้วไง

นาตาลีทำหน้าเหมือนถูกกรอกยาพิษ

"อย่าดีกว่ามังครับ คงได้ตัวป่วนมากกว่าจะได้นางเอกใหม่" ยงยุทธช่วยตัดบทให้คนเป็นน้องได้โล่งอก ก่อนปลีกตัวพาผู้กำกับไปดูบริเวณโดยรอบ

หยาดฟ้ากับเจนจิราจึงได้โอกาสโผล่มาเสียบแทน เพิ่มความครื้นเครงให้วงสนทนา

"อันที่จริงแล้วนะฮ้าคุณน้องๆ ทางดั้นอยากได้คุณเนเรลมาเป็นพระเอก แต่ติดต่อไปแล้วเขาไม่ว่าง ติดเรื่องเรียนที่ต่างประเทศ พูดแล้วยังเสียด๊ายเสียดายไม่หายเลย" 

ท่าทางยิบหูยิบตาบวกจริตพราวของคุณผู้ช่วยฯ ก็ทำให้ทุกคำสนทนาน่าฟังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อพูดถึง ‘เนเรล'  

หยาดฟ้ากับเจนจิราถึงกับตาโต

"เนเรล นเรนทร์ แอนเดลสัน ที่เป็นนายแบบลูกครึ่งสุดฮอตของเมืองไทยตอนนี้ใช่ไหมคะ"

"น่าน~~น ล่ะฮ่ะคุณน้อง ไม่ใช่ว่าจะสุดฮอตแค่เมืองไทยเท่านั้นนะฮ้า แววฉายแสงไปถึงเมืองนอกแล้ว ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาจะต้องมายืนที่นี่แน่นอน"  

ถ้อยคำมาดมั่นทำคนฟังแทบอ่อนระทวยเพราะสุดเสียดาย

"เอาล่ะ! ดั้นขอตัวทำงานก่อนละกัน ดูสิ! ผู้กำกับตาเขียวแล้ว ขืนยืนฝอยนาน เดี๋ยวแกจะแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดซะก่อน" 

นาตาลีได้ทีหันขวับมาส่งสายตาพิฆาตบ้าง

"แล้วเธอสองคนอยากเห็นฉันเป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า"

"หึ! ไม่ล่ะจ๊ะ  ไป ยัยหยาดไปทำงาน"

"ก็กำลังจะไปอยู่นี่ไงล่ะ เร่งอยู่ได้" นาตาลีลอบอมยิ้มกับพฤติกรรมลนลานของสองเพื่อนสาว

รถเก๋งยุโรปสีดำเงาวับคันงาม เลี้ยวเข้ามาในสถาบันพร้อมเสียงโหวกเหวกทั้งที่ยังไม่ทันจอดสนิทดี

"วู้! วู้! นัท ทางนี้" แทบไม่ต้องเงยหน้าดูก็รู้ว่าใคร ‘พรพรรณ พินิจโสพรรณ' ลูกสาวนายตำรวจใหญ่ นักเรียนนิสัยดี (ที่ออกจะแก่นแก้วไปสักนิด) ของสถาบัน

"กำลังอยากเจอ ดีเลยไม่ต้องเสียเวลาเดินหา"  

"ทำไมเหรอ"

"ก็คุณป้าใสน่ะสิ ชวนไปชิมขนมเค้กสูตรใหม่วันพรุ่งนี้ เสร็จแล้วเราก็ไปขี่ม้ากันต่อ ดีไหม" นาตาลีพยักหน้าหงึกหงัก

"ฮืม...ดีเหมือนกัน ไม่ได้เจอคุณป้าตั้งหลายวันแล้ว เดี๋ยวพรรณเจอเจนที่ห้องซ้อมก็บอกด้วยละกันนะ ส่วนหยาดฉันจะบอกเอง"

บ้านพินิจโสพรรณ

เจนจิรากับหยาดฟ้าตื่นตะลึงกับความใหญ่โตของบ้านทุกครั้งที่ได้เห็น ประตูรั้วลายวิจิตรใหญ่โตสีทองสลับแดง บ่งบอกฐานะเจ้าของบ้าน...ว่ามีเสียจนเหลือกินเหลือใช้

 ‘คุณสดใส' ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองอย่างเคยและถามหานาตาลีเมื่อไม่เห็นว่ามาด้วย สองสาวยกมือไหว้ทำความเคารพก่อนตอบว่าเดี๋ยวตามมาเพราะแวะทำธุระให้พี่ชายของเขาก่อน

คุณสดใสยิ้มรับก่อนหันไปทางเด็กรับใช้ "ไปบอกคุณพรรณ ว่าฉันให้มาตาม"

"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณป้า พรรณมาแล้ว" เสียงเจื้อยแจ้วขานรับแทบทันที ไม่นานก็เห็นขาไวๆ ลงมาจากบันได

"ไม่ได้ตื่นสายนะคะ แต่ว่าเอ็กเซอร์ไซส์อยู่ค่ะ"

"จ๊ะ แม่คุณ"  

"แล้วนัทล่ะ" พรพรรณถามสองสาวที่ได้แต่ยืนทำหน้าบ้องแบ๋ว แต่คุณสดใสชิงตอบเสียเอง

"เขาไปทำธุระให้พี่ชายแล้วจะตามมา" สองสาวรีบพยักหน้ายืนยัน

"ป้าว่าเราไปที่โต๊ะในสวนดอกไม้กันดีกว่า ให้เด็กจัดไว้แล้วล่ะ" 

คุณสดใสเชื้อเชิญเพื่อให้ได้บรรยากาศสดชื่นของสวนเล็กๆ ที่มีธารน้ำตกจำลอง คละเคล้าด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่แข่งกันอวดช่อชูใบหลากสี ช่วยแต่งเติมความเป็นธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน  

พรพรรณโพล่งขึ้นเมื่อนึกได้

"นี่! พวกเธอจำพี่ชายสองคนของฉันได้ไหม ที่เคยให้ดูในรูปน่ะ" สองสาวเผยแววตาวิบวับ

"ฮืม...ทำไมจะจำไม่ได้" แล้วพร้อมใจกันบีบเสียงจนเป็นกระซิบ

"ก็ออกจะดูดีขนาดนั้น" เลี่ยงคำพูดตรงๆ ว่า ‘หล่อมาก' พร้อมสงวนท่าทีวี๊ดว๊ายกระตู้วู้เพราะเกรงใจผู้ใหญ่ ณ ที่นั้น

หล่อกระชากใจอย่างร้ายกาจ ใครล่ะจะจำไม่ได้

สองหนุ่มที่ถูกพูดถึง คือบุตรชายของคุณสดใส บุคลิกสูงใหญ่น่ามอง อีกทั้งหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ทั้งเจนจิราและหยาดฟ้าแอบเป็นปลื้มอยู่มาก แม้ว่าจะได้เห็นแค่ในรูปถ่ายก็ตาม

พรพรรณได้ทีคุยอวด "พี่ๆ ฉันจะรับปริญญาสัปดาห์หน้า ฉันกับคุณป้าจะบินไปงานพี่ที่อังกฤษด้วยล่ะ" ทำเอาสองสาวเนื้อเต้นดีใจยิ่งกว่าคนจะไปเสียอีก

"เราเดินทางพรุ่งนี้ช่วงดึกใช่ไหมคะ" คุณสดใสยิ้มรับ

"ป้าดาวของหนูน่ะจัดการให้เสร็จ ป้าแค่เตรียมตัวให้พร้อมเดินทางเท่านั้นเป็นพอ" 

‘คุณดวงดาว' น้องสาวของคุณสดใส สาวโสดที่ชอบเขียนหนังสือประเภทบันทึกการเดินทางจนขายดิบขายดีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่ว เพราะตัวเองไม่มีครอบครัวจึงรักหลานๆ มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เห่อจัดกับการเป็นมหาบัณฑิตจากเมืองนอกของหลานชาย

"นั่นยังไง พูดถึงก็มาเชียว"

"คุณพี่คะ เตรียมกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยหรือยัง ขาดเหลืออะไรก็ทำเป็นรายการไว้นะคะ ยังมีเวลาทันอยู่ อ้าว! สาวๆ มายังไงกันเนี่ย"  

มาถึงก็ยิงประโยคยาวแบบไม่เว้นช่องว่างให้คนอื่นได้พูด

สามสาวยกมือไหว้ทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง คนรับไหว้ยังใจจดจ่อกับสิ่งที่พูดพลางหันมาทำสายตาขอคำตอบ

"เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรไปมากหรอก ขืนเอาไปมากกว่านี้คงอยู่ได้เป็นเดือนแน่ ฉันเป็นแม่ของตาภูกับตาภัทรแท้ๆ ยังไม่ตื่นเต้นเท่าเธอเลยนะ" คนถูกเหน็บรีบติง

"แหม! คุณพี่ เขาเรียกว่าเตรียมพร้อมค่ะ งานแบบนี้ใช่จะมีบ่อยๆ ซะเมื่อไหร่" แล้วกลับมายิ้มอย่างภาคภูมิอีกครั้ง "ดิฉันล่ะเป็นปลื้มจริงๆ"

ไม่ใช่แค่คุณป้าที่รักหลานๆ มาก แต่ทั้งหลานสาวและหลานชายต่างก็รักคุณดวงดาวมากเช่นกัน เพราะทั้งใจดีและตามใจเป็นที่สุด อยากได้อะไรไม่ต้องเสียเวลาไปขอผู้บังเกิดเกล้า เข้าทางนี้ง่ายกว่าเป็นไหนๆ

เสียงมอร์เตอร์ไซค์เร่งเครื่องคำรามก่อนตีโค้งเข้ามา แล้วค่อยๆ ชะลอจอดจนนิ่งสนิท ตรึงทุกสายตาในวงสนทนาได้ชะงัด

คุณดวงดาวเห็นแล้วคิ้วพันกันยุ่งเหยิง ยกมือทาบอกคล้ายกลัวใจจะกระเด็นหายไป หากแต่ยังส่งเสียงค่อนแคะได้ดังถนัดหู

"ยัยนัท ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเป็นผู้หญิงทำขี่มอร์เตอร์ไซค์ซ่าจัดน่ะมันไม่เข้าเรื่อง ถ้าล้มไปละไม่ต้องพูดเลย โรงพยาบาลอย่างเดียว" คนมาใหม่ถึงกับเสียวสันหลัง

อวยพรแต่เช้า

"สวัสดีค่ะคุณป้าใส คุณป้าดาว"  

คนแรกยิ้มรับ ส่วนอีกคนกลับสะบัดหน้าพรืดไปทางอื่น

"เอาเถอะน่า เธอจะไปว่าอะไรเด็กนักหนา โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยีทันสมัยก็มากขึ้น จะให้เป็นรุ่นสมัยพวกเราหรือไงจ๊ะ" คุณสดใสปราม แล้วหันไปบอกเด็กรับใช้ให้จัดเตรียมของว่าง

นาตาลีหย่อนตัวนั่งร่วมวงอย่างรวดเร็ว

"บ่นอะไรแต่เช้าคะเนี่ย ไม่เอาน่า...เดี๋ยวไม่สวยนะคะ นั่นเห็นไหม รอยเท้ากาเริ่มมาแล้ว" เห็นจะมีแต่เธอเท่านั้นที่กล้าต่อคำแต่พองาม นอกนั้นขอเงียบดีกว่า

"นี่ยัยนัท! ยังมีหน้ามาพูดดีอีกนะเรา" พลางหันขวับไปถามสามสาวว่ามีริ้วรอยจริงหรือ เดี๋ยวเวลาไปถ่ายรูปจะไม่สวย พอได้รับคำตอบว่าไม่ต้องห่วง คุณป้าสวยอยู่แล้วค่ะ แค่นั้นก็ผุดยิ้มพอใจแล้วกลับมาค้อนใส่คนพูดดีจนคุณสดใสต้องหัวเราะหึ

โธ่! กลัวไม่สวย ทำเป็นสาวรุ่นไปได้

คุณแม่บ้านเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน ตามท้ายด้วยเด็กรับใช้ซึ่งยกขนมและเครื่องดื่มมาถาดใหญ่ คุณสดใสจึงเอ่ยถาม

"มีอะไรจ๊ะ"

"ของคุณดวงดาวค่ะคุณใส คุณโกศลส่งคนมารับเอกสารค่ะ"

"อ้าว! ทำไมมาเร็วจริง ไหนว่ามาช่วงบ่าย แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ"

"รออยู่ด้านหน้าตึกใหญ่ค่ะ"

"งั้นช่วยไปหยิบถุงสีแดงในห้องหนังสือมาให้ฉันทีนะ วางอยู่ที่โต๊ะน่ะ" คุณแม่บ้านรับคำเข้าใจ

"ไม่มีใครซะล่ะ คนของสำนักพิมพ์" คนพูดเผยแววตาเปี่ยมประกาย คล้ายจะบอกว่า ‘ตนยังคงเป็นนักเขียนระดับแนวหน้าที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านมากมาย' 

"พูดถึงหนังสือของคุณป้า นัทได้อ่านบ้างแล้ว ดีค่ะ"

"หยาดก็ชอบอยู่หลายเล่มเหมือนกันนะคะ แต่ที่ชอบมากๆ คือเล่มที่คุณป้าเขียนที่ธิเบต"

"ใช่ ใช่ ภาพสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะพวกเรา" คนฟังภูมิใจอยู่ลึกๆ หากแต่วางฟอร์มเฉย

"พวกเธอไม่ต้องมาประจบฉันหรอก ไม่มีอะไรจะให้นะ"

พรพรรณหัวเราะร่วนก่อนย้ำยืนยัน "จริงค่ะคุณป้า ไม่ได้ชมเพื่อหวังผลซะหน่อย" คราวนี้คนฟังเลยฉีกยิ้มแก้มแทบปริ

เมื่อได้ของตามที่สั่ง คุณดวงดาวจึงเรียกให้คนมารับไปพร้อมกำชับว่าต้องส่งให้ถึงมือคุณโกศลเท่านั้น สักครู่เด็กรับใช้มาบอกว่ามีโทรศัพท์มา ร่างอิ่มท้วมจึงเดินดุ่มๆ ไปรวดเร็วจนคุณสดใสอดค่อนขอดไม่ได้

"ศิลปินก็อย่างเนี้ยล่ะ ยุ่งตลอด ว่าแต่ขนมป้าเป็นไงบ้าง" ทุกคนต่างโพล่งเป็นคำเดียว

"อร่อยค่ะ"

แน่ล่ะ...คุณสดใสมีฝีมือในการทำอาหารและขนมที่ใครๆ ต่างยอมรับ นาตาลียังเคยขอสูตรไปลองทำเองอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน

"ได้จ๊ะ หายากนะเด็กสมัยนี้ที่จะสนใจเรื่องเสน่ห์ปลายจวัก" 

"โธ่! คุณป้าก็ยัยนัทน่ะคุณพ่อคุณแม่เสียตั้งแต่เด็ก จะหวังพึ่งพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ก็ใช่ที่" คนเป็นป้าตีหมับเข้าที่แขนหลานสาว

"พูดจาอะไรแบบนี้ หือ!"

"ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือสากันอยู่แล้ว อีกอย่างพรรณก็พูดถูกด้วย"

"ก็แล้วมันใช่เหตุผลที่ดีไหม ของแบบนี้มันอยู่ที่ความสนใจมากกว่า ไอ้เรื่องเข้าครัวกับคนรุ่นใหม่เนี่ยดูจะไม่ค่อยถูกกัน ยิ่งเราน่ะตัวดีแม่พรรณ" คนถูกดุทำปากปูด งานนี้โดนเต็มๆ

คุณดวงดาวเดินกลับมาพร้อมถาดขนมในส่วนเพิ่มเติมจนคุณสดใสร้องทัก

"ไม่ให้เด็กยกมาล่ะ แล้วเรื่องของเธอเรียบร้อยไหม" 

"เรียบร้อยดีค่ะ คุณโกศลเขาโทรเช็คว่าเด็กเขามาถึงหรือยัง"

"ท่าทางหนังสือจะขายดีนะ มารับต้นฉบับถึงที่แบบนี้"

"เสียเมื่อไหร่ล่ะคะคุณพี่ ดิฉันแค่บอกเขาว่าจะขอส่งต้นฉบับช้าหน่อย เพราะต้องไปอังกฤษหลายวัน ทางโน้นเลยขอไว้ว่าให้เร่งให้ที แล้วจะให้เด็กมารับ ดิฉันก็...ตามใจเขาล่ะค่ะ ดีเหมือนกันทำให้เรียบร้อยไปซะ จะได้มีเวลาไปขอบใจพ่อเนเรล เพื่อนตาภูกับตาภัทรที่ช่วยเป็นแบบให้ด้วย"

นาตาลีสงสัย ‘ไปอังกฤษ' รีบหันมาถามพรพรรณว่าจริงหรือ ส่วนหยาดฟ้ากับเจนจิราก็สงสัยไม่แพ้กัน เพราะคำว่า ‘เนเรล' ทำสะดุดหู

"เนเรล ไหนคะคุณป้า ที่เป็นดาราหรือเปล่า" 

แค่ชื่อเหมือนเท่านั้น ไม่หวังว่าจะเป็นจริง แต่ลึกๆ มีแอบลุ้น

"ใช่จ๊ะ" 

เรียกเสียงฮือฮายกใหญ่ พรพรรณถึงกับฉงนหนัก

"ทำไมหนูไม่เห็นทราบเลยคะคุณป้า" คุณสดใสอมยิ้ม

"เขารู้จักกันตอนที่ไปเรียนอังกฤษใหม่ๆ ตอนนั้นเนเรลยังไม่ได้เข้าวงการเลยจ๊ะ คุณพ่อคุณแม่เขาก็อยู่ที่อังกฤษ เลยไม่ได้มาเมืองไทยบ่อยนัก นานๆ จะมาทีก็มาหาคุณยายที่นครนายก" คนฟังออกอาการเง้างอดสองพี่ชาย

"แย่จริงๆ ไม่ยอมบอกกันบ้างเลย เรื่องสำคัญแท้ๆ ไว้ให้เจอก่อนเถอะ...น่าดู!"

ระหว่างมื้อเที่ยง คุณดวงดาวพลันนึกอะไรบางอย่างได้จึงหันไปถามคุณแม่บ้านว่าตอนที่หยิบถุงสีแดงมาจากโต๊ะ เห็นกระบอกพลาสติกทรงกลมสีเทาอยู่ในนั้นหรือเปล่า

คนถูกถามส่ายหน้าว่าไม่ได้เปิดถุงดูเลยไม่ทราบ คุณดวงดาวจึงไปดูเองที่ห้องหนังสือ ปรากฏว่าของสิ่งนั้นตัวเองลืมใส่ถุงรวมกันไว้

"ดูสิ ดิฉันนี่แย่จริงค่ะคุณพี่ ดันลืมของสำคัญไปให้หัวหน้าคุณโกศล"

"มีอะไรในนั้นล่ะ"

"ก็รูปวาดเนเรลในชุดนักรบโบราณน่ะสิคะ คุณลดาเพื่อนดิฉันอยากให้เอารูปเขาขึ้นปกนิยายเรื่องใหม่ของเธอ ดิฉันเลยอาสาให้โดยผ่านทางหลานๆ แย่จริงคุณลดารออยู่ด้วย" คุณดวงดาวสีหน้ากังวลระคนโมโหความขี้ลืมของตน

"ลองโทรหาคุณโกศลให้เขาส่งเด็กมารับดีไหม" 

"ดีค่ะ ลองดู" คนร้อนใจหันซ้ายขวา จะอ้าปากบอกให้ใครไปนำโทรศัพท์มา แต่คิดอีกทีไปเองทันใจกว่า

ไม่นานนักก็เดินกลับมาด้วยใบหน้ายุ่งๆ พร้อมคิ้วผูกโบอันใหญ่ ไม่ต้องถามก็รู้ว่า "ไม่สำเร็จ" 

"เด็กเขาติดงานกันหมดค่ะคุณพี่ คงต้องเป็นพรุ่งนี้" พูดพลางถอนใจ ก่อนทิ้งร่างอิ่มท้วมลงกับเก้าอี้

นาตาลีเห็นแล้วต้องรีบขานอาสา

"นัทเอาไปส่งให้ดีกว่าค่ะ ถึงมือผู้รับแน่นอน คุณป้าจะได้หายห่วง มีความสุขตลอดการเดินทาง"

"ใช่ค่ะ คุณป้า"

"แล้วบ้านคุณลดาอยู่ที่ไหนล่ะคะ" สาวๆ ช่วยกันสนับสนุนเต็มที่

"จะดีเรอะ วุ่นวายซะเปล่านะเป็นธุระให้ฉันน่ะ" คุณดวงดาวออกอาการเกรงใจ แต่สี่สาวพยักหน้ารับว่าดี เมื่อเห็นความตั้งใจของหลานๆ ฝ่ายคุณป้าจึงยอมตกลง

"ไม่ต้องไปถึงบ้านคุณลดาหรอก มันไกลมาก เอาไปฝากไว้กับสามีเขาที่สำนักพิมพ์ดีกว่าอยู่แค่คลองเตยนี่เอง" พรพรรณลากเสียงสูง

"สามีคุณป้าลดา?"

"หัวหน้าคุณโกศลนั่นล่ะ"

"โธ่! แค่นี้เองคุณป้า สบายมาก แต่ว่าขอดูภาพข้างในได้ไหมคะ นัทอยากรู้ว่าเขาจะหล่อเลิศสักแค่ไหนกันเชียว ใครต่อใครถึงได้นิยมชมชอบกันนัก" 

พลางปรายตายังเพื่อนๆ ที่บัดนี้พร้อมใจกันทำตาเป็นประกายวาววับ

น่าหมั่นไส้จริงๆ

คุณดวงดาวหยิบแผ่นกระดาษในนั้นมาคลี่ออก สิ่งที่เห็นเป็นงานสะเก็ดภาพด้วยดินสอ ชายหนุ่มในชุดนักรบโบราณครึ่งตัวดูสง่างามและน่าเกรงขาม ไม่มีสีสันอะไรนอกจากสีดำและสีขาว สร้างความเหมือนด้วยการแรเงาจากปลายดินสอเท่านั้น  

สาวๆ ต่างวิพากวิจารณ์ว่าดูแปลกดี เพราะส่วนใหญ่จะเห็นแต่ถ่ายแบบแฟชั่นนำสมัย เป็นภาพธรรมดาในสายตาของทุกคน 

แต่สำหรับนาตาลีภาพนั้นดั่งมีชีวิต ดวงตาของชายหนุ่มในภาพกำลังจ้องมองเธอ  

"ไม่ค่อยได้เห็นนะ แต่อยู่ในชุดนักรบโบราณก็เท่ไปอีกแบบ นัทว่าไหม" เจนจิรากระเซ้าถาม แต่อีกฝ่ายมิได้ฟังแม้แต่น้อย สายตายังคงจับจ้องอยู่นั่น

"นัท นัท ได้ยินหรือเปล่า ไหนว่าไม่อยู่ในกระแสนิยม แล้วมัวแต่ตะลึงอะไรอยู่จ๊ะ" เจนจิราแขวะพร้อมเขย่าบ่า มันแรงพอจะทำให้คนนิ่งงันราวถูกสะกดรู้สึกตัว

"เอ่อ...ดี...ดูดีจ๊ะ"

คุณดวงดาวเก็บภาพนั้นเข้าที่เรียบร้อยพร้อมยื่นให้ นาตาลีมองอย่างไม่แน่ใจก่อนค่อยๆ ยื่นมืออันร้อนผ่าว เลือดในกายพุ่งพล่านราวกับได้รับมอบของสำคัญ และ ‘เธอคือเจ้าของภาพนั้น'   

บ้าจริง! ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้

เธอพยายามสลัดทุกความคิดทิ้งไป แล้วพูด

"ไม่ต้องห่วงนะคะคุณป้า ทุกอย่างจะเรียบร้อย" 

"จ๊ะแม่คุณ แล้วไม่ต้องรีบเสียจนเกินไปล่ะ ขี่รถระวังด้วย เดี๋ยวป้าจะโทรไปบอกทางสำนักพิมพ์ให้เขารอรับ จะได้รู้กัน" คุณดวงดาวเตือนหลานด้วยความห่วงใยระคนปนเปื้อนความเคอะเขินที่กลับต้องพึ่งพาเจ้ารถสองล้อ ‘เหล็กหุ้มหนัง' นี่เสียได้

นาตาลีบอกกับตัวเองได้ชัดว่าความรู้สึกเมื่อครู่มันน่าอัศจรรย์ใจเพียงใด แต่ไม่ว่าจะมากแค่ไหนก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘รู้สึกไปเอง'

คงไม่มีอะไร

หญิงสาวเลี้ยวรถซ้ายขวาไปตามซอกซอยอย่างระมัดระวัง สองข้างถนนโล่งตาจนน่าแปลกใจ ราวกับว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่ใช้เส้นทางนี้

เอ...ผู้คนหายไปไหนกันหมด

ใกล้จะออกสู่ถนนใหญ่ ผ่านสี่แยก... 

เสียงแตรรถดัง...!!!...ดังกึกก้องไปทั่ว...!!!...ดังเข้าไปในโสตประสาท

โลกทั้งโลกหมุนดั่งลูกฟุตบอลในสนามแข่ง ความมืดเข้าครอบคลุมไปทั่วทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร เนื้อตัวเบาราวกับปุยนุ่น ล่องลอยพลิ้วไหวอย่างอิสรเสรีในอากาศยามที่มีลมพัดพาไป  

นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

ฉันกำลังไปไหน ทำไมขยับตัวไม่ได้เลย แล้วใครพูดอะไรกันเสียงดัง....พูดอะไรกัน

...ไม่ค่อยได้ยินเลย...

...ไม่ได้ยินแล้ว  

ปลายทางที่มุ่งไปใกล้แค่นี้เอง

นั่นคือสิ่งที่คาดคิดไว้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าโชคชะตาได้กำหนดเส้นทางไว้ให้เธอ

ไกลกว่านั้นมากนัก!

 
Link to Post    -Back to Top

Bookmark and Share

กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
Advertising Zone    Close
 
 
 
 
 
 
Online:  1
Visits:  57,683
Today:  23
PageView/Month:  33

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com